ดาวน์โหลดคู่มือฯ
ปลูกถั่วเขียวพันธุ์ดีด้วยความรู้ ให้ผลผลิตสูง รายได้งาม (ฉบับปรับปรุง)


ดาวน์โหลดคู่มือฯ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สวทช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน และกรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “เทคโนโลยีการผลิตพืชหลังนาแบบครบวงจร: ถั่วเขียวพันธุ์ KUML” ให้เกษตรกรเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS อุบลราชธานี จากอำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอเขมราฐ อำเภอเขื่องใน อำเภอตาลสุม อำเภอนาจะหลวย อำเภอเมือง อำเภอศรีเมืองใหม่ อำเภอสำโรง อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอเหล่าเสือโก้ก และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับเกียรติจากนายถิรพุทธิ์ คานทอง เกษตรจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดการอบรม ซึ่งผู้เข้าอบรมทั้ง 60 คน ได้รับความรู้จาก รศ. ดร.ประกิจ สมท่า และ

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สวทช. ร่วมกับสมาคมเกษตรกรก้าวหน้า อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “เทคโนโลยีการผลิตพืชหลังนาแบบครบวงจร: ถั่วเขียวพันธุ์ KUML” ให้เกษตรกรและเจ้าหน้าที่ในเครือข่ายสมาคมเกษตรก้าวหน้า โดยมี รศ. ดร.ประกิจ สมท่า และ ผศ. ดร.กนกวรรณ เที่ยงธรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่อง “เทคนิคการปลูกถั่วเขียวเพื่อยกระดับคุณภาพ-ปริมาณผลผลิต” และ “การเก็บเกี่ยว-การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง” รวมทั้งได้ลงพื้นที่ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งปลูกถั่วเขียวอินทรีย์มาตรฐานสหภาพยุโรป (EU) และมาตรฐานไบโอสวิส (BIO SUISSE) และมีกระบวนการจัดเก็บเมล็ดพันธุ์อินทรีย์แบบควบคุมปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจน ป้องกันการเกิดมอด

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 น.ส.วิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ประชุมหารือ “การจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวบ่อพันขัน จังหวัดร้อยเอ็ด” ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชงคลอีสาน (มทร.อีสาน) สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด เทศบาลตำบลจำปาขัน อำเภอสุวรรณภูมิ องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสว่าง อำเภอโพนทราย องค์การบริหารส่วนตำบลเด่นราษฎร์ อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนและประเมินความพร้อมการจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวบ่อพันขัน นำไปสู่การขับเคลื่อนแผนงานการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม การประชุมหารือครั้งนี้ ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน มทร.อีสาน ได้นำเสนอข้อมูลทรัพยากรของชุมชน วิถีวัฒนธรรม ภูมิปัญญา พร้อมทั้งถ่ายทอดประสบการณ์งานวิจัยการพัฒนาชุมชนบ่อพันขัน นอกจากนี้นายสายฝน แก้วสมบัติ ผู้ใหญ่บ้านหญ้าหน่อง พระปลัดขาว คุตฺตธมโม เจ้าอาวาสวัดเกาะบ่อพันขันรัตนโสภณ และชมรมท่องเที่ยวบ่อเกลือพันขัณฑ์

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สวทช. ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตวสระแกว ปศุสัตว์อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบ จัดเสวนา “การเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงโคเนื้อและการผลิตอาหารโคคุณภาพ” ณ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยได้รับเกียรติจากนายทวี สาธุชาติ นายก อบต.ท่าตะะเกียบ เป็นประธานเปิดงาน กิจกรรมเสวนาครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญและเกษตรกรแกนนำร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์การเลี้ยงโคเนื้อ ได้แก่ นายกฤษณะ เกาะแก้ว ปศุสัตว์อำเภอท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา นายอดิศักดิ์ แพทย์พิพัฒน์ นักวิชาการสัตวบาล ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์จังหวัดสระแก้ว รศ. ดร.สินีนาฏ พลโยราช สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง น.ส.สมจิต สาธุชาติ ประธานกลุ่มโคเนื้อท่าตะเกียบ

เมื่อวันที่ 4-5 กันยายน 2567 นายนิคม กันยานะ นักวิชาการ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สวทช. ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยี “การเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงโคเนื้อและการผลิตอาหารโคคุณภาพ” ณ หมู่บ้านเขาวงค์และหมู่บ้านอ่างเตย ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา มีสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เลี้ยงวัวท่าตะเกียบและเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมอบรมรวม 94 คน โดยได้รับความรู้เทคโนโลยีการคัดเลือกพันธุ์โคเนื้อ โภชนะวัตถุดิบอาหาร การผลิตอาหารโคคุณภาพที่เหมาะสมกับช่วงวัย เทคนิคการเลี้ยงโคขุน เทคนิคการรักษาคุณภาพอาหาร หรือการทำอาหาร TMR หมัก (FTMR) และฝึกปฏิบัติทักษะการผสมอาหาร TMR (Total Mixed Ration) สำหรับโคขุน ซึ่งเป็นอาหารผสมสำเร็จรูปที่นำอาหารหยาบ อาหารข้น แร่ธาตุและวิตามินผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม ทำให้โคได้รับโภชนะครบถ้วนตามความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงวัย

ประเทศไทยผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแปรรูปมากเป็นอันดับต้นของโลก โดยในปี 2564 กรมการค้าต่างประเทศรายงานว่าประเทศไทยส่งออกมันสำปะหลังแปรรูปเป็นมูลค่ารวมสูงกว่า 1.23 แสนล้านบาท แต่ทว่าหลังจากช่วงปี 2562 ที่ไทยเริ่มพบรอยโรคใบด่างมันสำปะหลัง (Cassava Mosaic Disease: CMD) และประกาศการระบาดอย่างเป็นทางการในปี 2565 อุตสาหกรรมมันสำปะหลังกลับต้องเผชิญกับความสั่นคลอนจากการขาดแคลนวัตถุดิบเรื่อยมา เพราะโรค CMD นอกจากจะทำให้หัวมันแคระแกร็นและคุณภาพผลผลิตตกต่ำแล้ว ยังเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้ง่าย รวดเร็ว แต่ยับยั้งการแพร่ระบาดยากเพราะมีแมลงหวี่ขาวเป็นตัวกระจายโรค พื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่ของไทยจึงกลายไปเป็นพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ที่ต้องเผชิญปัญหาโรค CMD ระบาดภายในระยะเวลาเพียง 2-3 ปี อย่างไรก็ตามท่ามกลางวิกฤตใหญ่ที่ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ยังมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูกมันสำปะหลังที่เลือกยืนหยัดหาแนวทางฝ่าฟันวิกฤตนี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่า ‘การสู้ไปด้วยกันจะนำไปสู่การผ่านพ้นวิกฤตได้’ ปัญหาเกิด ‘ตัวกลางเร่งขยับ’ ชวินทร์ ปลื้มเจริญ นักวิชาการ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.)

เมื่อวันที่ 2-5 กันยายน 2567 น.ส.เลอทีชา เมืองมีศรี นักวิชาการ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (สท.) และคณะทำงานโครงการ “การยกระดับเครือข่ายผู้ผลิตผักอินทรีย์ด้วยเทคโนโลยีโรงเรือนและการบริหารจัดการผลิตพืชผัก” ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลา จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และการจัดการศัตรูพืชผักในระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์” ให้สมาชิกเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนใต้ร่มบุญเกษตรอินทรีย์ จากอำเภอหาดใหญ่ อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอเทพา อำเภอจะนะและอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา โดยมี น.ส.สุชาดา ลีลารุจนกุล ผู้จัดการสินค้าระดับภูมิภาค บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ให้ความรู้และข้อมูลความต้องการและเงื่อนไขการรับซื้อพืชผักทั้งชนิด ปริมาณและคุณภาพ โดยสมาชิกเครือข่ายฯ ได้ร่วมกันระดมสมองกำหนดเป้าหมายการผลิตเพื่อส่งตลาดภายใต้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตพืชผัก ดร.นุชนารถ ตั้งจิตสมคิด ที่ปรึกษาด้านจุลชีววิทยา กรมวิชาการเกษตร ให้ความรู้เรื่อง “การจัดการโรคและแมลงศัตรูพืชผักในระบบอินทรีย์”

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 น.ส.ณิฎฐา คุ้มโต นักวิชาการอาวุโส และนายชนะชัย แสนทวีสุข ผู้ช่วยปฏิบัติงานวิจัย สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ร่วมเป็นวิทยากรในหลักสูตร “ฟื้นฟูพัฒนาอาชีพเดิม สร้างอาชีพเสริม เพิ่มอาชีพใหม่” ภายใต้โครงการฟื้นฟูพัฒนาศักยภาพลูกค้าพักชำระหนี้และโครงการหาช่องทางตลาดเชื่อมโยงสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่ รุ่นที่ 12, 13, และ 14 จัดโดยสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดอำนาจเจริญ ถ่ายทอดความรู้การสร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ (ถั่วเขียวหลังนา) เกษตรมูลค่าสูง ผลิตเมล็ดพันธุ์ปลูกพืชระยะสั้น การเพิ่มคุณภาพผลผลิต-การสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยมีนายออดุลย์ โคลนพันธ์ เกษตรกรแกนนำจากวิสาหกิจชุมชนร่วมใจโนนค้อทุ่ง เครือข่ายการทำงานของ สท. ร่วมแลกให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าร่วมอบรม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสวนากระบวนการพัฒนาอาชีพเสริม การสร้างอาชีพเสริม เพิ่มอาชีพใหม่