วิศวะมหิดล ผนึกกำลัง 3 องค์กรญี่ปุ่น พัฒนากำลังคนด้านเทคโนโลยี-วิศวกรรมระดับสูง และเตรียมระบบรับรองความสามารถเฉพาะ Micro Credential ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น

          ความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเทคโนโลยีและวิชาการไทย-ญี่ปุ่น เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง… รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ประเทศไทยและนานาชาติต่างเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่ามกลางความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ ซัพพลายเชน สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และการเมือง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งเน้นการผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงและมีคุณภาพในระดับมาตรฐานโลก พร้อมยกระดับคุณภาพการศึกษาและวิจัยนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจยุคหลังโควิดให้มั่นคงอย่างต่อเนื่อง การเดินทางยังประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ เป็นการผนึกความร่วมมือด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีในโลกวิถีใหม่ และเปิดมุมมองของการศึกษานานาชาติที่กว้างขึ้นสามารถสนองตอบตวามต้องการในประเทศและโลกอนาคต กับ 3 องค์กรและมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ดังนี้

          1. สมาคมญี่ปุ่นเพื่อการศึกษาวิศวกรรม หรือ Japanese Society for Engineering Education (JSEE) ซึ่งเป็นองค์กรกลางของญี่ปุ่น ที่ให้การรับรองมหาวิทยาลัย/วิทยาลัยทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ห้องปฏิบัติการของรัฐ และบริษัทอุตสาหกรรม  JSEE ยังมีส่วนร่วมในกระบวนการรับรองมาตรฐานการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ในญี่ปุ่น ที่เรียกว่า  JABEE (Japan Accreditation Board for Engineering Education) สิ่งที่จะทำร่วมกันคือ สนับสนุนให้นักศึกษาทั้งสองประเทศเรียนรู้วิศวกรรมศาสตร์ในวิถีโลกใหม่อันท้าทายด้วยความเพลิดเพลินและภาคภูมิใจ ตลอดจนร่วมมือทำวิจัยและแลกเปลียนนักศึกษาทั้งผ่านระบบออนไลน์และจัดในสถานที่จริง  นอกจากนี้ยังจะร่วมพัฒนาระบบ Micro Credential (MC) ระหว่างมหาวิทยาลัยในไทยและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นระบบการรับรองความสามารถแบบเฉพาะเจาะจง โดยเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความสามารถผ่านหลักฐานและประสบการณ์จริง เหมาะสำหรับผู้ที่เรียนรู้ด้วยตนเองหรือแหล่งความรู้ต่างๆ โดยจะได้รับ”ประกาศนียบัตรดิจิทัล” (Digital Badge) สำหรับใช้ยืนยันความสามารถ เพราะการเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในห้องเรียนเท่านั้น ทั้งนี้นับว่าสอดคล้องกับแผนงานการศึกษาทดลอง Sandbox ของวิศวะมหิดล

          2. มหาวิทยาลัยโอซากา (Osaka University) การผนึกความร่วมมือระหว่าง ม.มหิดลกับ ม.โอซากา คือ เตรียมเปิดหลักสูตรสองปริญญา ในระดับป.โทและ ป.เอก โดยผู้เรียนจะได้ศึกษาที่สองมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและญี่ปุ่น มีการร่วมกันทำวิจัยเป็นวิทยานิพนธ์เล่มเดียวกัน

          3. มหาวิทยาลัยทามากาวะ (Tamagawa University) มีความร่วมมือกันในงานวิจัย การแลกเปลี่ยนนักศึกษาไทย-ญี่ปุ่น ระหว่าง 2 สถาบัน โดยมีแนวทางสร้างเสริมความแข็งแกร่งทางวิชาการและพัฒนากิจกรรมแลกเปลี่ยนความเข้าใจในการทำงานต่างวัฒนธรรม

About Author