สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) หน่วยงานภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดำเนินงานให้บริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรแบบครบวงจร โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งในปี 2563 มีภารกิจงานมุ่งเป้าใน 3 ด้าน ได้แก่ สมาร์ทเทคโนโลยี การดำเนินงานในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) และการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพเกษตรกรพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
“สมาร์ทเทคโนโลยี” นวัตกรรมขับเคลื่อนเกษตรยุคใหม่
“เกษตรแม่นยำ (Precision agriculture)” เป็นหนึ่งในกลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมายการทำงานของ สวทช. ที่ตอบโจทย์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศที่มีรายได้สูง
โรงเรือนอัจฉริยะ ระบบการให้น้ำอัตโนมัติสำหรับพืชไร่และพืชสวน และระบบเซนเซอร์ไร้สายสำหรับการติดตามสภาวะแวดล้อมในฟาร์มเพื่อการควบคุมและบริหารจัดการ เป็นสมาร์ทเทคโนโลยี (smart technology) ที่สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สวทช. ได้ถ่ายทอดความรู้และการใช้งานให้กับเกษตรกรไทยแล้วกว่า 1,100 ราย ใน 53 จังหวัด โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ได้เข้าถึงควมรู้ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพความพร้อมในแต่ละพื้นที่ เน้นแนวคิดการใช้สมาร์ทเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิต บริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นต้นแบบแหล่งเรียนรู้การใช้สมาร์ทเทคโนโลยีให้กับเกษตรกรรายอื่น เกิดการสร้างเครือข่ายและขยายผลการใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น เป็นการขับเคลื่อนการใช้นวัตกรรมในภาคการเกษตรสอดคล้องวิสัยทัศน์ประเทศ “ไทยแลนด์ 4.0”
ไม่เพียงสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ได้ถ่ายทอดความรู้และการใช้งานสมาร์ทเทคโนโลยี (smart technology) ให้เกษตรกรได้นำประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิตแล้ว สท. ยังได้ร่วมกับเกษตรกรและสถาบันการศึกษาพัฒนาแหล่งเรียนรู้สมาร์ทเทคโนโลยีในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงและความเข้าใจการใช้สมาร์ทเทคโนโลยีในการทำเกษตร
- จุดเรียนรู้เทคโนโลยีระบบการให้น้ำอัตโนมัติในพืชสวนและพืชไร่ ณ สวนบัวแก้ว อ.วังจังจันทร์ จ.ระยอง
- จุดเรียนรู้ระบบเซนเซอร์แบบเครือข่ายไร้สายในฟาร์ม เพื่อการควบคุมและบริหารจัดการ (Farm WiMaRC) ณ พื้นที่จุดเรียนรู้สวนมังคุด กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่จันทบุรี อ.เมือง จ.จันทบุรี
- การพัฒนาแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีเกษตรและเกษตรอัจฉริยะ ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
- การพัฒนาแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการผลิตพืชอย่างแม่นยำ ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
- การพัฒนาแหล่งเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการผลิตพืชอย่างแม่นยำ กับบริษัท สยามคูโบต้า คอร์เปอเรชั่น จำกัด อ.พานทอง จ.ชลบุรี
เสริมแกร่งภาคเกษตร @ EEC ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านเศรษฐกิจให้ประเทศ โดยมีเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่รองรับการทำวิจัยและพัฒนาต่อยอดไปสู่การใช้งานจริง ซึ่งจะนำประเทศไทยสู่อุตสาหกรรมใหม่ด้วยนวัตกรรม
สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนภาคการเกษตรในพื้นที่ด้วยงานวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งจาก สวทช. และพันธมิตร ผ่านการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพื้นที่ อาทิ สมาร์ทเทคโนโลยี สารชีวภัณฑ์ การผลิตพืชในระบบโรงเรือน การผลิตอาหารสัตว์ หรือแม้แต่เทคโนโลยีด้านสิ่งทอ เพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายของอาชีพในพื้นที่ สท. ไม่เพียงดำเนินการในพื้นที่เป้าหมายนำร่องของ EEC 3 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง หากยังครอบคลุมจังหวัดอื่นในภาคตะวันออก ทั้งจันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี และสระแก้ว โดยในปี 2562 มีชุมชนที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปแล้ว 57 ชุมชน จำนวนกว่า 900 คน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนภาคการเกษตรและชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
การดำเนินงานขับเคลื่อนภาคการเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออก สท. ได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัย เพื่อส่งต่อและขยายผลการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ก้าวทันต่อการพัฒนาสู่ไทยแลนด์ 4.0
“การสร้างจุดเรียนรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตร” เป็นเป้าหมายหนึ่งของการดำเนินงานในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะขยายผลให้เกษตรกรได้เข้าถึงเทคโนโลยี สท. ได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง และ “สวนสุภัทราแลนด์” สวนผลไม้ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของจังหวัด ซึ่งให้ความสนใจและมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์เรียนรู้เชิงเกษตรแบบครบวงจร ทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเกษตรและเกษตรอัจฉริยะ และการจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ ได้แก่ ฐานการเรียนรู้ นิทรรศการ และเวทีเสวนาวิชาการ เพื่อให้เกษตรกรโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรแกนนำและสมาร์ทฟาร์มเมอร์สามารถเข้าถึงความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรและเกษตรแม่นยำ นำไปใช้ยกระดับการผลิตให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ลดต้นทุนและสร้างรายได้มากขึ้น
นอกจากนี้ สท. ยังได้ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พัฒนาสถานีเรียนรู้และสาธิตการใช้เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่หรือเกษตรอัจฉริยะ ณ ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ จ.ระยอง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดระยองและใกล้เคียง ขณะเดียวกันยังเป็นสถานที่เรียนรู้หลักสูตร “เกษตรนวัต” ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สท. และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา เพื่อพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ให้เติบโตเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่รู้จักการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพัฒนาอาชีพการเกษตรของตนเองและครอบครัว ตลอดจนส่งต่อความรู้ให้ชุมชน ซึ่งเทคโนโลยีที่ สท. ได้นำร่องให้ความรู้ ประกอบด้วย โรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการปลูกพืช เช่น มะเขือเทศ การจัดการโรคและแมลงศัตรูพืช สารชีวภัณฑ์ รวมถึงการบันทึกและติดตามการปลูกด้วย Application Trace Farm
สร้างสมดุล คืนความสมบูรณ์ให้ “ทุ่งกุลาร้องไห้”
การทำนาเป็นวิถีการดำเนินชีวิตหลักของเกษตรกรในพื้นที่ “ทุ่งกุลาร้องไห้” ดินแดนที่ขึ้นชื่อถึงความแห้งแล้งและทุรกันดาร แต่ขณะเดียวกันกลับเป็นแหล่งผลิตพันธุ์ข้าวที่เลื่องลือระดับโลก
การพัฒนาส่งเสริมศักยภาพเกษตรกรพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้การดำเนินงานของสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ได้ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อยกระดับการผลิตข้าวในระบบเกษตรอินทรีย์ โดยสร้างผู้ตรวจสอบภายใน หรือ Inspector ทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบแปลงของเกษตรกรและเป็นพี่เลี้ยงการผลิตข้าวอินทรีย์ตามระบบมาตรฐาน อีกทั้ง สท. ยังได้ ขยายผลพันธุ์ข้าวเหนียวสายพันธุ์ใหม่ต้านทานโรคไหม้ เป็นทางเลือกให้เกษตรกรได้เพาะปลูกเพื่อบริโภค นอกจากข้าวแล้ว แหล่งอาหารจากผืนนาที่สำคัญอย่าง “ปูนา” ที่กำลังลดหายไปจากการทำนาเคมี สท. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ส่งเสริมให้เกษตรกรรู้รักษ์และใช้ประโยชน์จากปูนาบนพื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การดำเนินงานเหล่านี้ไม่เพียงยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยในดินแดนแห่งความแห้งแล้งนี้ หากยังนำไปสู่การสร้างความมั่งคงด้านอาหารให้กับพวกเขาอีกด้วย
การยกระดับการผลิตข้าวในระบบเกษตรอินทรีย์โดยสร้างผู้ตรวจสอบภายใน หรือ Inspector การขยายผลพันธุ์ข้าวเหนียวสายพันธุ์ใหม่ต้านทานโรคไหม้ และการส่งเสริมให้เกษตรกรรู้รักษ์และใช้ประโยชน์จากปูนาบนพื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “การพัฒนาส่งเสริมศักยภาพเกษตรกรพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม” ซึ่งสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ได้กำหนดแผนการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี (ปี 2563-2565) โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรผู้ผลิตข้าวหอมมะลิ 105 ได้รับรองมาตรฐาน Organic Thailand จำนวน 813 ราย เกิดกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวระดับชุมชนจำนวน 10 กลุ่ม และเกิดสถานีเรียนรู้ปูนา 4 แห่ง ได้แก่ บ้านเมืองบัว ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด บ้านสำโรง ต.ศรีโคตร อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด บ้านโคกเพชร ต.ไพล อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ วิทยาเขตทุ่งกุลาร้องไห้ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
นอกจากนี้ยังดำเนินกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาคเอกชน สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา ศูนย์วิจัยข้าว สหกรณ์การเกษตร และแกนนำเกษตรกร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ได้อย่างครอบคลุม อาทิ
- โครงการ Inclusive Innovation เพื่อส่งเสริมธุรกิจเกษตรและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ใช้แนวคิดการพัฒนาเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจการเกษตร บริหารจัดการกลุ่ม เชื่อมโยงการผลิตสู่การตลาด สร้างแรงจูงใจการยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือ
- สนับสนุนการปลูกถั่วเขียวสายพันธุ์ KUML ปอเทือง ถั่วลิสง แตงโม ฟักทอง เป็นพืชหลังนาเพื่อเป็นรายได้เสริม และผลักดันให้เกิดกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวในพื้นที่ ตลอดจนการแปรรูปถั่วลิสง
- ส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตอาหารโค TMR ในระดับชุมชน เพื่อลดต้นทุนด้านอาหารสัตว์
- การผลิตผักปลอดภัย และการเก็บเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์
- การบริหารจัดการน้ำแปลงเกษตรสำหรับเพาะปลูกพืชและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อจัดการน้ำ