บทนำ
บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชนไทย ก่อตั้งขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนที่มีความสนใจและมีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ มากมายที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม องค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการดำเนินงานเหล่านี้ยังกระจัดกระจายและขาดการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ
การจัดเก็บองค์ความรู้สำคัญในการดำเนินงานบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อรักษาและถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีคุณค่าเหล่านี้ให้แก่บุคลากรในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงผู้ที่สนใจในการพัฒนาการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเยาวชนไทย
ความเป็นมา
ก่อกำเนิดค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp)
การสร้างบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเป็นงานที่ไม่ง่าย ต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้านตั้งแต่การ หาพื้นที่ เติมทีพื้นที่ของบ้านวิทย์ฯ ไม่ได้กำหนดให้อยู่ตรงพื้นที่แห่งนี้ มีการเจรจาเพื่อขอสลับเปลี่ยนพื้นที่เพื่อความเหมาะสมในการบริหารจัดการหลายๆ อย่างภายในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ เมื่อพื้นที่ลงตัวแล้ว สิ่งต่อไปคือการจัดทำ แผนการก่อสร้าง ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย โดยแผนการก่อสร้างเดิมนั้นมีการออกแบบไว้อย่างสวยงามในบรรยากาศสบายๆ สไตล์รีสอร์ท แต่ต้องถูกยกเลิกไป เมื่อมีการนำเสนอแผนการก่อสร้างนี้ต่อคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ ได้ให้เหตุผลไว้ว่า “ต้องการให้อาคารมีการรวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว (all in one) เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ และการจัดกิจกรรมที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้อย่างทั่วถึง”
เมื่อได้พื้นที่ ได้แบบและแผนการก่อสร้างที่ลงตัว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การขออนุมัติงบประมาณ เพราะการก่อสร้างนี้ใช้งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ดำเนินการภายใต้ช่วงเวลาที่บ้านเมืองยังอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน แต่ด้วยความพยายามในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และความมุ่งมั่นตั้งใจและไม่ยอมถอยหลัง และในปี พ.ศ. 2548 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ชื่อกระทรวงในขณะนั้น) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดตั้งโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp) บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ และเริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2548 แล้วเสร็จในปี 2551 และวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระนามในขณะนั้น) พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อ “บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” (Sirindhorn Science Home: SSH)
ภาพที่ 1 : Concept Design ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี
![]() |
![]() |
![]() |
ภาพที่ 2-3 : อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรที่แล้วเสร็จ
ก้าวแรกของการบริหารจัดการ และการบริหารจัดการในปัจจุบัน
กลางปี พ.ศ. 2551 อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบให้กับ สวทช. ช่วงแรกการบริหารจัดการอาคาร และสถานที่ยังไม่ได้ถูกจัดตั้งเป็นฝ่ายงานถาวร สวทช. ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดูแลการบริหารจัดการสถานที่ และจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดใช้งาน ในช่วงเวลานั้นการดำเนินงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย อาศัยการประสานงานจากบุคลากรหลักไม่กี่คนในการอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมต่างๆ ที่เริ่มทยอยเข้ามาใช้พื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมจากหน่วยงานภายใน สวทช. เช่น การจัดค่ายของเนคเทค หรือกิจกรรมของโครงการ JSTP ต่อมาหลังจากสัญญาจ้างบริษัทเอกชนสิ้นสุดลง จึงได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร และจัดตั้ง ฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ เพื่อบริหารจัดการงานทั้งหมดด้วยตนเอง ซึ่งรวมถึงการรับโอนบุคลากรที่มีประสบการณ์จากบริษัทเดิมเข้ามาทำงานร่วมด้วย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่นที่สุด โดยคุณสุภาภรณ์ ศรอำพล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จนถึงปี 2567 และในปี 2568 ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรและมีการปรับชื่อฝ่ายให้สอดคล้องกับการดำเนินงานในปัจจุบัน เป็น ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และกิจกรรมด้านพัฒนากำลังคนของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร(SRN) โดยมีคุณอติพร สุวรรณ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายฯ การบริหารจัดการบ้านวิทย์ แบ่งการบริหารหลักดังนี้
-
ด้านการบริหารพื้นที่ (ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และกิจกรรมด้านพัฒนากำลังคนของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร(SRN))
-
ผู้อำนวยการฝ่าย : คุณอติพร สุวรรณ
-
งานบริหารห้องปฏิบัติการบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (PLAY)
-
งานบริหารอัตลักษณ์และภาพลักษณ์บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (BRND)
-
งานบริหารและการให้บริการสถานที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (HOME)
-
-
-
ด้านการบริหารจัดการค่าย (ฝ่ายบริการทางวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน (ASI))
-
ผู้อำนวยการฝ่าย : คุณฤทัย จงสฤษดิ์
-
งานสำรวจวิเคราะห์แนวโน้มหลักสูตรและผลงานวิชาการ (TREN)
-
-
-
ด้านบริหารจัดการทุน (ฝ่ายพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษและอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(GIF))
-
กำกับดูแลโดย : ผช.ผพว. ด้านพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
-
เหตุการณ์สำคัญที่หล่อหลอมความแข็งแกร่ง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรต้องเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญหลายครั้ง ซึ่งเป็นบททดสอบและบทเรียนที่ทำให้องค์กรแข็งแกร่งขึ้น
-
มหาอุทกภัยปี พ.ศ. 2554 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับบุคลากรของ สวทช. ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แม้น้ำจะท่วมสูงจนมิดชั้นใต้ดิน แต่ตัวอาคารด้านบนไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรง หลังจากน้ำลดได้มีการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย เช่น ระบบปั๊มน้ำและประตูลิฟต์ เพื่อกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง
-
สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้ปรับเปลี่ยนบทบาทสู่การเป็น โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้พิการและผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์และสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูฯ อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีของเนคเทคเข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วย ทำให้บ้านวิทย์ฯ กลายเป็นต้นแบบของการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
-
เหตุการณ์แผ่นดินไหว เกิดขึ้นในช่วงของการจัดงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. NAC2025 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรซึ่งมีกิจกรรมเยาวชนและคณาจารย์อยู่ในพื้นที่ ได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ มีการอพยพผู้เข้าร่วมกิจกรรมไปพักในพื้นที่ปลอดภัย และมีการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารอย่างละเอียดก่อนจะกลับมาใช้งานปกติ
บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรในปัจจุบัน
ปัจจุบัน บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้พัฒนาจากเพียงแค่สถานที่จัดกิจกรรม ไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และบ่มเพาะนวัตกรรม มีการจัดตั้งห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง เช่น ห้องแล็บด้านเทคโนโลยีชีวภาพพืช ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือกับนักวิจัยของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสทำโครงงานวิจัยในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นพื้นที่ให้บริการสำหรับกิจกรรมเยาวชนจากหลากหลายหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก สวทช. พร้อมทั้งทำหน้าที่ในการดูแลและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกกิจกรรมสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้จัดเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร สถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมทักษะความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชน พร้อมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้แก่เยาวชน โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกฝน เรียนรู้ และลงมือปฏิบัติจริงเป็นการเพิ่มพูนทักษะทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน กิจกรรมมีรูปแบบหลากหลายเน้นความเชื่อมโยงกับศาสตร์และเทคโนโลยีที่ สวทช. มีความเชี่ยวชาญ บ้านวิทยาศาสตร์ฯ มีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านกิจกรรม อาทิ ค่ายวิทยาศาสตคร์ค้างแรม ค่ายหนึ่งวัน และการฝึกอบรมครูวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
บทบาทของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรในระดับประเทศ
บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชนเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการพัฒนาองค์ความรู้และแรงบันดาลใจทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ ตลอดเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมาที่นี่ได้ปลูกฝังทักษะ คิดเชิงวิพากษ์ และนวัตกรรมให้กับเยาวชนไทย ผ่านการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง เชื่อมโยงกับบริบทสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งขับเคลื่อนแนวทางการศึกษาแบบสะเต็ม (STEM) ในระดับสากล บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรมีบทบาทในระดับประเทศด้านต่าง ๆ อาทิ
1. ศูนย์กลางการเรียนรู้พัฒนาเยาวชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (Sirindhorn Science Home) ซึ่งจัดตั้งโดย สวทช. ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ. ปทุมธานี มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชน ตั้งแต่การกระตุ้นความสนใจในวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงการฝึกวิจัยในเชิงลึก ในแต่ละปีมีเยาวชนเข้าเข้าร่วมกิจกรรมหลายระดับ ได้แก่
-
เยาวชนทั่วไปที่สนใจวิทยาศาสตร์เข้าร่วมในกิจกรรมหรือค่ายมากกว่า 1,000 คน
-
เยาวชนที่มีความสามารถพิเศษ ที่เข้าร่วมการทดลองเป็นระยะมากกว่า 2,600 คน
-
เยาวชนที่มีศักยภาพสูง ที่ทำงานวิจัยร่วมกับนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 100 คนต่อปี
2. แหล่งเรียนรู้จริงผ่านห้องปฏิบัติการและ FabLab บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรมีห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์พื้นฐาน จำนวน 4 ห้อง และห้องปฏิบัติการชีวภาพพืช ที่รองรับการจัดค่ายและฝึกทดลองให้นักเรียนได้ลงมือทำจริงภายใต้คำแนะนำของนักวิจัย
นอกจากนี้ ยังมี FabLab (Fabrication Lab) ที่ติดตั้งเครื่องมือทันสมัย เช่น เครื่องพิมพ์ 3 มิติ, เครื่องตัดเลเซอร์ พร้อมพื้นที่เวิร์กช็อปเพื่อส่งเสริมทักษะการประดิษฐ์และความคิดสร้างสรรค์ให้แก่นักเรียนและครูจากกว่า 150 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ได้สร้างผลงานนวัตกรรมกว่า 532 ชิ้น และส่งเข้าประกวดทั้งในระดับชาติและนานาชาติกว่า 279 ผลงาน
3. พัฒนาแนวคิด STEM เชื่อมโยงกิจกรรมในบริบทท้องถิ่น บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรถูกเลือกเป็นตัวแทนของทวีปเอเชีย ในการประชุมนานาชาติ International Dialogue on STEM EDUCATION 2019 ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ในหัวข้อ “How do we empower children through STEM education to contribute to creating sustainable societies?” โดยวิธีการนำเสนอกิจกรรมได้เน้นที่ การออกแบบให้เด็กคิดและปฏิบัติด้วยตนเอง ผสานศาสตร์ต่าง ๆ เช่น ศิลปะ สังคมศึกษา และสะเต็มศึกษาให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และกระบวนการเรียนรู้ที่สนุกสนานและมีความหมาย
4. โครงการพิเศษร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ มีการร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค (BIOTEC) จัดค่ายเรื่อง “จุลินทรีย์มหัศจรรย์คุมโรคพืช” โดยให้นักเรียนมัธยมปลายจากทั่วประเทศกว่า 20 คน ได้เรียนรู้และลงมือทดลองจริงในห้องแล็บ เพื่อถวายแนวคิดด้านชีวภัณฑ์ควบคุมโรคพืชอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
5. สนองพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ล่าสุดในปี 2025 มีนิทรรศการ “โครงการเรียนรู้สะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียน ม.ปลาย ผ่านโครงงานด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช” ที่สนองพระราชดำริ ส่งเสริมให้โรงเรียนมีศักยภาพเป็นศูนย์ต้นแบบด้านเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรท้องถิ่น และสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว) และเป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ความภาคภูมิใจของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร
ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้สร้างผลงานและเหตุการณ์สำคัญที่ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจอย่างต่อเนื่องอันเป็นหลักฐานแห่งความมุ่งมั่นในการพัฒนาเยาวชนไทยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความภาคภูมิใจประการแรก คือ การได้รับพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อ “บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2551 นับเป็นจุดกำเนิดแห่งอัตลักษณ์ที่ทรงคุณค่า และเป็นเกียรติสูงสุดที่แสดงถึงความหมายอันลึกซึ้งของการเป็น “บ้านแห่งวิทยาศาสตร์เพื่อเยาวชนไทย” ต่อมาในปี 2552–2553 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นค่ายวิทยาศาสตร์ถาวรแห่งแรกของประเทศ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อเยาวชนจากทั่วประเทศ
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ยืนยันบทบาทในเวทีนานาชาติ คือ การที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนทวีปเอเชีย เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนากิจกรรมเยาวชนบนเวที International Dialogue on STEM Education 2019 (IDoS 2019) ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 5–6 ธันวาคม 2562 เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นานาชาติมีต่อศักยภาพของประเทศไทยในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์แก่เยาวชน ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้มีการจัดงาน International Dialogue on STEM Education 2019 (IDos 2019) ซึ่งเป็นเวทีรวมตัวนักการศึกษาจากทั่วโลกกว่า 100 คน จาก 5 ทวีป บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนากิจกรรมสำหรับเยาวชน ในหัวข้อ “How do we empower children through STEM education to contribute to creating sustainable societies?” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมเด็กและเยาวชนผ่านการศึกษาและกิจกรรมด้านสะเต็ม (STEM) เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน
การคัดเลือกตัวแทนดังกล่าวเป็นไปตามมติของคณะกรรมการจัดงานจาก 14 ประเทศ โดยพิจารณาเลือกหน่วยงานที่มีความโดดเด่นและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดกิจกรรมด้านสะเต็มศึกษา ภายในงานมีตัวแทนจาก 5 ทวีปนำเสนอและดำเนินกิจกรรม ได้แก่ ผู้อำนวยการวิทยาศาสตร์ศึกษาจากสมิธโซเนียน สหรัฐอเมริกา, ผู้อำนวยการวิทยาการการศึกษาจากสถาบันออสเตรเลีย, ผู้จัดการความร่วมมือต่างประเทศจากสถาบันลูมา ฟินแลนด์, ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์การศึกษาความร่วมมือต่างประเทศ เคนยา และผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ จากบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. ประเทศไทย
นอกจากนี้ งานยังมีนักการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติร่วมงาน อาทิ ศาสตราจารย์อิลาน ชาเบย์ ผู้พัฒนาพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์กว่า 230 แห่ง, ดร.ฮา วินห์ โธ อดีตอำนวยการความสุขมวลรวมประชาชาติ ประเทศภูฏาน และ ดร.ไมเคิล ฟริทซ์ กรรมการบริหารมูลนิธิบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศเยอรมนี เป็นต้น
ในช่วงวิกฤตโควิด-19 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรยังได้แสดงบทบาทเชิงสังคมอันสำคัญ โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่าย เปิดโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เพื่อรองรับผู้พิการที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว กิจกรรมดังกล่าวนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและการใช้ทรัพยากรของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤต
20 กุมภาพันธ์ 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อภาคสังคมอย่างกว้างขวาง (Big Rock Project) ซึ่ง สวทช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรรมแก่เด็กและเยาวชนไทย โดยส่งเสริมให้มีการจัดพื้นที่การเรียนรู้ในสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ 150 แห่งทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือของมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยงในโครงการฯ 10 แห่ง เพื่อให้คำปรึกษาในการพัฒนาความสามารถของครู/นักเรียนของโรงเรียนที่เข้าร่วมโตรงการให้มีทักษะด้านวิศวกรรม มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบและสร้างชิ้นงานโดยการใช้เครื่องมือทางวิศวกรรม และเครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์และมีผลงาน/ชิ้นงาน/โครงงานเป็นที่ประจักษ์ สวทช. ได้จึงได้สร้างโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (FabLab@SSH) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย
โรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Engineering Prototype Lab) หรือที่เรียกกันว่า Fabrication Lab (FabLab) แห่งบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ” (Learning by Doing) ที่ สวทช. พัฒนาขึ้น
30 พฤศจิกายน 2564 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้เปิด “โรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (FabLab@SSH)” อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเรียนรู้ของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรให้ทันสมัยและครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนไทยมีพื้นที่พัฒนาทักษะด้านการสร้างนวัตกรรมทางวิศวกรรม ผ่านเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องตัดเลเซอร์ และห้องออกแบบเชิงสร้างสรรค์ การดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศ
ในช่วงวิกฤตโควิด-19 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้นำเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติในโครงการ FabLab มาประยุกต์ใช้ในการผลิต Face Shield (หน้ากากบังใบหน้า) และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ทีมวิศวกรของ FabLab ได้พัฒนาและผลิต Face Shield ด้วยเทคนิค Fused Deposition Modeling (FDM) ซึ่งมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานได้ ต้นแบบ Face Shield ได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจาก Prusa Protective Face Shield Model : RC2 และผ่านการปรับแก้ไขต่อยอดเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานระยะยาว พร้อมทั้งให้ความสะดวกสบายแก่ผู้สวมใส่ หลังจากการผลิตเสร็จสิ้น อุปกรณ์เหล่านี้ได้ถูกส่งมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาลต่าง ๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป: องค์ความรู้สำคัญในการดำเนินงานบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร
เมื่อบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรถูกสร้างเสร็จ และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สถานที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงอาคาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของการบ่มเพาะความรู้และแรงบันดาลใจทางวิทยาศาสตร์ให้แก่เยาวชนไทยอย่างแท้จริง พระองค์ได้ทรงชี้แนะแนวทางสำคัญว่า การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง จำเป็นต้องมุ่งไปที่ เด็กกลุ่มใหญ่ของประเทศ เพราะการพัฒนาคนกลุ่มใหญ่จะสนับสนุนและขับเคลื่อนประเทศไปได้ทั้งระบบ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า คุณค่าและกิจกรรม คือหัวใจสำคัญของการบ่มเพาะเยาวชนอย่างเป็นระบบ การดำเนินงานของ SSH สะท้อนให้เห็นถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติสำคัญที่สนับสนุนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและการสร้างนวัตกรรม ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
การออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับผู้เรียน การจัดกิจกรรมของ SSH ได้รับการพัฒนาจากประสบการณ์และการทดลองหลายรูปแบบ โดยคำนึงถึงความแตกต่างด้านศักยภาพ ความสนใจ และระดับทักษะของผู้เรียน เพื่อให้ทุกเยาวชนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้
การบ่มเพาะเยาวชนตามศักยภาพเฉพาะกลุ่ม SSH แบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นสามประเภท ได้แก่ เด็กทั่วไป เด็กที่มีความสามารถเฉพาะด้าน และเด็กอัจฉริยะ เพื่อให้การพัฒนาทักษะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละบุคคล ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนทุกกลุ่มได้รับโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตอย่างเหมาะสม
การบูรณาการความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ การจัดตั้งโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (FabLab@SSH) พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องตัดเลเซอร์ และห้องออกแบบเชิงสร้างสรรค์ ช่วยให้เยาวชนสามารถทดลองสร้างนวัตกรรมและเข้าใจกระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมอย่างเป็นระบบ
การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย ความสำเร็จของ SSH เกิดจากการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและภายนอก สวทช. การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างนักวิจัย ครู และหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและสามารถต่อยอดองค์ความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
การวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง SSH ให้ความสำคัญกับการสะท้อนผลการดำเนินงานจากผู้เรียน ครู และผู้ปกครอง เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบการเรียนรู้
ด้วยองค์ความรู้และแนวปฏิบัติเหล่านี้ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรจึงเป็นมากกว่าอาคารหรือสถานที่จัดกิจกรรม แต่เป็น ศูนย์กลางแห่งการบ่มเพาะเยาวชนให้มีศักยภาพในการคิด สร้างสรรค์ และวิจัย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ความหมายที่มากกว่า “อาคาร” หากแต่เป็น พื้นที่แห่งการสร้างแรงบันดาลใจ พลังแห่งความคิด และโอกาสที่จะหล่อหลอมเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของชาติ ทุกกิจกรรมและทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ คือพลังขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
รายการอ้างอิง
-
(ม.ป.ป.). Fabrication Lb โรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.).
-
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2548, กรกฎาคม). ข้อเสนอโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (ฉบับปรับปรุง) (Permnent Science Camp).
-
บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). (ม.ป.ป.). บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร Sirindhorn Science Home (SSH). https://www.nstda.or.th/ssh/
-
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). (ม.ป.ป.). FabLb Thailand. https://www.nstda.or.th/fablab/
-
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). (2563, พฤศจิกายน 3). เครื่องพิมพ์ 3 มิติ นวัตกรรมผลิต Face Shield. https://www.nstda.or.th/home/performance_post/fablab-face-shield/
-
บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลโพรเจคแอดมินิสเตรชั่น จำกัด. (ม.ป.ป.). แนวคิดในการออกแบบโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp).
-
FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). Face Shield [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=dLrxmbBIS4w&t=3s
-
FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). ส่วนประกอบ Face Shield [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=_ny4E18H8Cs
-
FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). แนวคิดในการออกแบบ Face Shield และการเขียนแบบด้วยโปรแกรม Solidwork [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=7VJNtjTlVO8
-
FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). การสร้างชิ้นงานด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และประกอบตัวโครง Face Shield [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=ycDI_xkdqbQ
-
(2562). ครั้งหนึ่งของความภาคภูมิใจประเทศไทยบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย นำเสนอแนวทางพัฒนากิจกรรมเยาวชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในเวทีนานาชาติ. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). https://www.nstda.or.th/home/news_post/20191206-2/
- กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.). (2564, 17 มิถุนายน). “บ้านวิทยาศาสตร์สิริธร” จากศูนย์กลางการเรียนรู้ สู่ภารกิจโรงพยาบาลสนามเพื่อคนพิการ. https://www.mhesi.go.th/index.php/en/news/3836-2021-06-17-07-01-21.html