องค์ความรู้สำคัญในการดำเนินงานบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร

บทนำ

บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชนไทย ก่อตั้งขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนที่มีความสนใจและมีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ มากมายที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม องค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการดำเนินงานเหล่านี้ยังกระจัดกระจายและขาดการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ

การจัดเก็บองค์ความรู้สำคัญในการดำเนินงานบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อรักษาและถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีคุณค่าเหล่านี้ให้แก่บุคลากรในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงผู้ที่สนใจในการพัฒนาการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเยาวชนไทย

ความเป็นมา

บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ถือกำเนิดขึ้นจากวิสัยทัศน์อันยาวนานในการพัฒนาเยาวชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย โดยมีรากฐานมาจาก โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน หรือ JSTP (Junior Science Talent Project) ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และเป็นจุดที่ทำให้เกิดแนวคิดของการมีสถานที่ที่ถาวรเพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ
พ.ศ. 2545 นายกรัฐมนตรี ฯพณฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการนำเสนอเกี่ยวกับโครงการ JSTP และได้มีโอกาสพบปะกับเยาวชนในโครงการจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบ่มเพาะเยาวชน และได้มีคำถามสำคัญว่า ทำไมต้องจัดค่ายตามสถานที่ต่างๆ ทำไมจึงไม่หาที่ตั้งถาวรให้เด็กได้มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมและส่งเสริมศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเด็ก ด้วยวิสัยทัศน์นี้เองที่ถือเป็นแรงผลักดันให้เกิดแนวคิดในการสร้าง ค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp) ขึ้น
พ.ศ. 2547 สวทช. ทำบันทึกข้อความ “ขออนุมัติโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร” เพื่อขออนุมัติต่อคณะรัฐนตรี ตามสั่งการของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เสนอต่อ รมว. วท. (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในขณะนั้น) และ วท. เสนอเรื่องต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการและงประมาณดำเนินการ พ.ศ. 2548
พ.ศ. 2548 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ชื่อกระทรวงในขณะนั้น) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดตั้งโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp) เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ฝึกทักษะและพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับเด็กและเยาวชนผู้มีความสนใจและมีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวทช. จึงได้ดำเนินการก่อสร้างค่ายวิทยาศาสตร์ถาวรขึ้นภายในบริเวณอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระนามในขณะนั้น) พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อ “บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” (Sirindhorn Science Home) ปัจจุบันบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ตั้งอยู่ที่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 132 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120

ก่อกำเนิดค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp)

การสร้างบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเป็นงานที่ไม่ง่าย ต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้านตั้งแต่การ หาพื้นที่ เติมทีพื้นที่ของบ้านวิทย์ฯ ไม่ได้กำหนดให้อยู่ตรงพื้นที่แห่งนี้ มีการเจรจาเพื่อขอสลับเปลี่ยนพื้นที่เพื่อความเหมาะสมในการบริหารจัดการหลายๆ อย่างภายในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ เมื่อพื้นที่ลงตัวแล้ว สิ่งต่อไปคือการจัดทำ แผนการก่อสร้าง ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย โดยแผนการก่อสร้างเดิมนั้นมีการออกแบบไว้อย่างสวยงามในบรรยากาศสบายๆ สไตล์รีสอร์ท แต่ต้องถูกยกเลิกไป เมื่อมีการนำเสนอแผนการก่อสร้างนี้ต่อคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ ได้ให้เหตุผลไว้ว่า “ต้องการให้อาคารมีการรวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว (all in one) เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ และการจัดกิจกรรมที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้อย่างทั่วถึง” 

เมื่อได้พื้นที่ ได้แบบและแผนการก่อสร้างที่ลงตัว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การขออนุมัติงบประมาณ เพราะการก่อสร้างนี้ใช้งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ดำเนินการภายใต้ช่วงเวลาที่บ้านเมืองยังอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน แต่ด้วยความพยายามในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และความมุ่งมั่นตั้งใจและไม่ยอมถอยหลัง และในปี พ.ศ. 2548 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ชื่อกระทรวงในขณะนั้น) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดตั้งโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp) บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ และเริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2548 แล้วเสร็จในปี 2551 และวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระนามในขณะนั้น) พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อ “บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” (Sirindhorn Science Home: SSH)

ภาพที่ 1 : Concept Design ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี

ภาพที่ 2-3 : อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรที่แล้วเสร็จ

ก้าวแรกของการบริหารจัดการ และการบริหารจัดการในปัจจุบัน

กลางปี พ.ศ. 2551 อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบให้กับ สวทช. ช่วงแรกการบริหารจัดการอาคาร และสถานที่ยังไม่ได้ถูกจัดตั้งเป็นฝ่ายงานถาวร สวทช. ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดูแลการบริหารจัดการสถานที่ และจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดใช้งาน ในช่วงเวลานั้นการดำเนินงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย อาศัยการประสานงานจากบุคลากรหลักไม่กี่คนในการอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมต่างๆ ที่เริ่มทยอยเข้ามาใช้พื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมจากหน่วยงานภายใน สวทช. เช่น การจัดค่ายของเนคเทค หรือกิจกรรมของโครงการ JSTP ต่อมาหลังจากสัญญาจ้างบริษัทเอกชนสิ้นสุดลง จึงได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร และจัดตั้ง ฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ เพื่อบริหารจัดการงานทั้งหมดด้วยตนเอง ซึ่งรวมถึงการรับโอนบุคลากรที่มีประสบการณ์จากบริษัทเดิมเข้ามาทำงานร่วมด้วย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่นที่สุด โดยคุณสุภาภรณ์ ศรอำพล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จนถึงปี 2567 และในปี 2568 ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรและมีการปรับชื่อฝ่ายให้สอดคล้องกับการดำเนินงานในปัจจุบัน เป็น ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และกิจกรรมด้านพัฒนากำลังคนของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร(SRN) โดยมีคุณอติพร สุวรรณ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายฯ การบริหารจัดการบ้านวิทย์ แบ่งการบริหารหลักดังนี้

  • ด้านการบริหารพื้นที่ (ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และกิจกรรมด้านพัฒนากำลังคนของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร(SRN))
    • ผู้อำนวยการฝ่าย : คุณอติพร สุวรรณ
      • งานบริหารห้องปฏิบัติการบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (PLAY)
      • งานบริหารอัตลักษณ์และภาพลักษณ์บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (BRND)
      • งานบริหารและการให้บริการสถานที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (HOME)
  • ด้านการบริหารจัดการค่าย (ฝ่ายบริการทางวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน (ASI))
    • ผู้อำนวยการฝ่าย : คุณฤทัย จงสฤษดิ์
      • งานสำรวจวิเคราะห์แนวโน้มหลักสูตรและผลงานวิชาการ (TREN)
  • ด้านบริหารจัดการทุน (ฝ่ายพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษและอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(GIF))
    • กำกับดูแลโดย : ผช.ผพว. ด้านพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เหตุการณ์สำคัญที่หล่อหลอมความแข็งแกร่ง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรต้องเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญหลายครั้ง ซึ่งเป็นบททดสอบและบทเรียนที่ทำให้องค์กรแข็งแกร่งขึ้น

  • มหาอุทกภัยปี พ.ศ. 2554 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับบุคลากรของ สวทช. ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แม้น้ำจะท่วมสูงจนมิดชั้นใต้ดิน แต่ตัวอาคารด้านบนไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรง หลังจากน้ำลดได้มีการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย เช่น ระบบปั๊มน้ำและประตูลิฟต์ เพื่อกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง
  • สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้ปรับเปลี่ยนบทบาทสู่การเป็น โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้พิการและผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์และสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูฯ อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีของเนคเทคเข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วย ทำให้บ้านวิทย์ฯ กลายเป็นต้นแบบของการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • เหตุการณ์แผ่นดินไหว เกิดขึ้นในช่วงของการจัดงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. NAC2025 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรซึ่งมีกิจกรรมเยาวชนและคณาจารย์อยู่ในพื้นที่ ได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ มีการอพยพผู้เข้าร่วมกิจกรรมไปพักในพื้นที่ปลอดภัย และมีการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารอย่างละเอียดก่อนจะกลับมาใช้งานปกติ

บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรในปัจจุบัน

ปัจจุบัน บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้พัฒนาจากเพียงแค่สถานที่จัดกิจกรรม ไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และบ่มเพาะนวัตกรรม มีการจัดตั้งห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง เช่น ห้องแล็บด้านเทคโนโลยีชีวภาพพืช ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือกับนักวิจัยของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสทำโครงงานวิจัยในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นพื้นที่ให้บริการสำหรับกิจกรรมเยาวชนจากหลากหลายหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก สวทช. พร้อมทั้งทำหน้าที่ในการดูแลและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกกิจกรรมสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้จัดเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร สถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมทักษะความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชน พร้อมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้แก่เยาวชน โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกฝน เรียนรู้ และลงมือปฏิบัติจริงเป็นการเพิ่มพูนทักษะทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน กิจกรรมมีรูปแบบหลากหลายเน้นความเชื่อมโยงกับศาสตร์และเทคโนโลยีที่ สวทช. มีความเชี่ยวชาญ บ้านวิทยาศาสตร์ฯ มีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านกิจกรรม อาทิ ค่ายวิทยาศาสตคร์ค้างแรม ค่ายหนึ่งวัน และการฝึกอบรมครูวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

บทบาทของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรในระดับประเทศ

บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชนเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการพัฒนาองค์ความรู้และแรงบันดาลใจทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ ตลอดเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมาที่นี่ได้ปลูกฝังทักษะ คิดเชิงวิพากษ์ และนวัตกรรมให้กับเยาวชนไทย ผ่านการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง เชื่อมโยงกับบริบทสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งขับเคลื่อนแนวทางการศึกษาแบบสะเต็ม (STEM) ในระดับสากล บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรมีบทบาทในระดับประเทศด้านต่าง ๆ อาทิ

1. ศูนย์กลางการเรียนรู้พัฒนาเยาวชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (Sirindhorn Science Home) ซึ่งจัดตั้งโดย สวทช. ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ. ปทุมธานี มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเยาวชน ตั้งแต่การกระตุ้นความสนใจในวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงการฝึกวิจัยในเชิงลึก ในแต่ละปีมีเยาวชนเข้าเข้าร่วมกิจกรรมหลายระดับ ได้แก่

  • เยาวชนทั่วไปที่สนใจวิทยาศาสตร์เข้าร่วมในกิจกรรมหรือค่ายมากกว่า 1,000 คน
  • เยาวชนที่มีความสามารถพิเศษ ที่เข้าร่วมการทดลองเป็นระยะมากกว่า 2,600 คน
  • เยาวชนที่มีศักยภาพสูง ที่ทำงานวิจัยร่วมกับนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 100 คนต่อปี

2. แหล่งเรียนรู้จริงผ่านห้องปฏิบัติการและ FabLab บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรมีห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์พื้นฐาน จำนวน 4 ห้อง และห้องปฏิบัติการชีวภาพพืช ที่รองรับการจัดค่ายและฝึกทดลองให้นักเรียนได้ลงมือทำจริงภายใต้คำแนะนำของนักวิจัย

นอกจากนี้ ยังมี FabLab (Fabrication Lab) ที่ติดตั้งเครื่องมือทันสมัย เช่น เครื่องพิมพ์ 3 มิติ, เครื่องตัดเลเซอร์ พร้อมพื้นที่เวิร์กช็อปเพื่อส่งเสริมทักษะการประดิษฐ์และความคิดสร้างสรรค์ให้แก่นักเรียนและครูจากกว่า 150 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ได้สร้างผลงานนวัตกรรมกว่า 532 ชิ้น และส่งเข้าประกวดทั้งในระดับชาติและนานาชาติกว่า 279 ผลงาน

3. พัฒนาแนวคิด STEM เชื่อมโยงกิจกรรมในบริบทท้องถิ่น บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรถูกเลือกเป็นตัวแทนของทวีปเอเชีย ในการประชุมนานาชาติ International Dialogue on STEM EDUCATION 2019 ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ในหัวข้อ “How do we empower children through STEM education to contribute to creating sustainable societies?” โดยวิธีการนำเสนอกิจกรรมได้เน้นที่ การออกแบบให้เด็กคิดและปฏิบัติด้วยตนเอง ผสานศาสตร์ต่าง ๆ เช่น ศิลปะ สังคมศึกษา และสะเต็มศึกษาให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และกระบวนการเรียนรู้ที่สนุกสนานและมีความหมาย

4. โครงการพิเศษร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ มีการร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค (BIOTEC) จัดค่ายเรื่อง “จุลินทรีย์มหัศจรรย์คุมโรคพืช” โดยให้นักเรียนมัธยมปลายจากทั่วประเทศกว่า 20 คน ได้เรียนรู้และลงมือทดลองจริงในห้องแล็บ เพื่อถวายแนวคิดด้านชีวภัณฑ์ควบคุมโรคพืชอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

5. สนองพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ล่าสุดในปี 2025 มีนิทรรศการ “โครงการเรียนรู้สะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียน ม.ปลาย ผ่านโครงงานด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช” ที่สนองพระราชดำริ ส่งเสริมให้โรงเรียนมีศักยภาพเป็นศูนย์ต้นแบบด้านเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรท้องถิ่น และสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว) และเป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

ความภาคภูมิใจของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร

ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้สร้างผลงานและเหตุการณ์สำคัญที่ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจอย่างต่อเนื่องอันเป็นหลักฐานแห่งความมุ่งมั่นในการพัฒนาเยาวชนไทยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความภาคภูมิใจประการแรก คือ การได้รับพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อ “บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2551 นับเป็นจุดกำเนิดแห่งอัตลักษณ์ที่ทรงคุณค่า และเป็นเกียรติสูงสุดที่แสดงถึงความหมายอันลึกซึ้งของการเป็น “บ้านแห่งวิทยาศาสตร์เพื่อเยาวชนไทย” ต่อมาในปี 2552–2553 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นค่ายวิทยาศาสตร์ถาวรแห่งแรกของประเทศ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อเยาวชนจากทั่วประเทศ

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ยืนยันบทบาทในเวทีนานาชาติ คือ การที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนทวีปเอเชีย เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนากิจกรรมเยาวชนบนเวที International Dialogue on STEM Education 2019 (IDoS 2019) ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 5–6 ธันวาคม 2562 เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นานาชาติมีต่อศักยภาพของประเทศไทยในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์แก่เยาวชน ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้มีการจัดงาน International Dialogue on STEM Education 2019 (IDos 2019) ซึ่งเป็นเวทีรวมตัวนักการศึกษาจากทั่วโลกกว่า 100 คน จาก 5 ทวีป บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนากิจกรรมสำหรับเยาวชน ในหัวข้อ “How do we empower children through STEM education to contribute to creating sustainable societies?” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมเด็กและเยาวชนผ่านการศึกษาและกิจกรรมด้านสะเต็ม (STEM) เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน

การคัดเลือกตัวแทนดังกล่าวเป็นไปตามมติของคณะกรรมการจัดงานจาก 14 ประเทศ โดยพิจารณาเลือกหน่วยงานที่มีความโดดเด่นและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดกิจกรรมด้านสะเต็มศึกษา ภายในงานมีตัวแทนจาก 5 ทวีปนำเสนอและดำเนินกิจกรรม ได้แก่ ผู้อำนวยการวิทยาศาสตร์ศึกษาจากสมิธโซเนียน สหรัฐอเมริกา, ผู้อำนวยการวิทยาการการศึกษาจากสถาบันออสเตรเลีย, ผู้จัดการความร่วมมือต่างประเทศจากสถาบันลูมา ฟินแลนด์, ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์การศึกษาความร่วมมือต่างประเทศ เคนยา และผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ จากบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. ประเทศไทย

นอกจากนี้ งานยังมีนักการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติร่วมงาน อาทิ ศาสตราจารย์อิลาน ชาเบย์ ผู้พัฒนาพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์กว่า 230 แห่ง, ดร.ฮา วินห์ โธ อดีตอำนวยการความสุขมวลรวมประชาชาติ ประเทศภูฏาน และ ดร.ไมเคิล ฟริทซ์ กรรมการบริหารมูลนิธิบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศเยอรมนี เป็นต้น

ในช่วงวิกฤตโควิด-19 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรยังได้แสดงบทบาทเชิงสังคมอันสำคัญ โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่าย เปิดโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เพื่อรองรับผู้พิการที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว กิจกรรมดังกล่าวนับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและการใช้ทรัพยากรของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤต

20 กุมภาพันธ์ 2561 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อภาคสังคมอย่างกว้างขวาง (Big Rock Project) ซึ่ง สวทช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรรมแก่เด็กและเยาวชนไทย โดยส่งเสริมให้มีการจัดพื้นที่การเรียนรู้ในสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ 150 แห่งทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือของมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยงในโครงการฯ 10 แห่ง เพื่อให้คำปรึกษาในการพัฒนาความสามารถของครู/นักเรียนของโรงเรียนที่เข้าร่วมโตรงการให้มีทักษะด้านวิศวกรรม มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบและสร้างชิ้นงานโดยการใช้เครื่องมือทางวิศวกรรม และเครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์และมีผลงาน/ชิ้นงาน/โครงงานเป็นที่ประจักษ์ สวทช. ได้จึงได้สร้างโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร (FabLab@SSH) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรแก่เด็กและเยาวชนไทย

โรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Engineering Prototype Lab) หรือที่เรียกกันว่า Fabrication Lab (FabLab) แห่งบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ” (Learning by Doing) ที่ สวทช. พัฒนาขึ้น

30 พฤศจิกายน 2564 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้เปิด “โรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (FabLab@SSH)” อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเรียนรู้ของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรให้ทันสมัยและครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนไทยมีพื้นที่พัฒนาทักษะด้านการสร้างนวัตกรรมทางวิศวกรรม ผ่านเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องตัดเลเซอร์ และห้องออกแบบเชิงสร้างสรรค์ การดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศ

ในช่วงวิกฤตโควิด-19 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรได้นำเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติในโครงการ FabLab มาประยุกต์ใช้ในการผลิต Face Shield (หน้ากากบังใบหน้า) และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ทีมวิศวกรของ FabLab ได้พัฒนาและผลิต Face Shield ด้วยเทคนิค Fused Deposition Modeling (FDM) ซึ่งมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานได้ ต้นแบบ Face Shield ได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจาก Prusa Protective Face Shield Model : RC2 และผ่านการปรับแก้ไขต่อยอดเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานระยะยาว พร้อมทั้งให้ความสะดวกสบายแก่ผู้สวมใส่ หลังจากการผลิตเสร็จสิ้น อุปกรณ์เหล่านี้ได้ถูกส่งมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาลต่าง ๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุป: องค์ความรู้สำคัญในการดำเนินงานบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร

เมื่อบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรถูกสร้างเสร็จ และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สถานที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงอาคาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของการบ่มเพาะความรู้และแรงบันดาลใจทางวิทยาศาสตร์ให้แก่เยาวชนไทยอย่างแท้จริง พระองค์ได้ทรงชี้แนะแนวทางสำคัญว่า การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง จำเป็นต้องมุ่งไปที่ เด็กกลุ่มใหญ่ของประเทศ เพราะการพัฒนาคนกลุ่มใหญ่จะสนับสนุนและขับเคลื่อนประเทศไปได้ทั้งระบบ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า คุณค่าและกิจกรรม คือหัวใจสำคัญของการบ่มเพาะเยาวชนอย่างเป็นระบบ การดำเนินงานของ SSH สะท้อนให้เห็นถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติสำคัญที่สนับสนุนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและการสร้างนวัตกรรม ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

การออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับผู้เรียน การจัดกิจกรรมของ SSH ได้รับการพัฒนาจากประสบการณ์และการทดลองหลายรูปแบบ โดยคำนึงถึงความแตกต่างด้านศักยภาพ ความสนใจ และระดับทักษะของผู้เรียน เพื่อให้ทุกเยาวชนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้

การบ่มเพาะเยาวชนตามศักยภาพเฉพาะกลุ่ม SSH แบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นสามประเภท ได้แก่ เด็กทั่วไป เด็กที่มีความสามารถเฉพาะด้าน และเด็กอัจฉริยะ เพื่อให้การพัฒนาทักษะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละบุคคล ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนทุกกลุ่มได้รับโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตอย่างเหมาะสม

การบูรณาการความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ การจัดตั้งโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (FabLab@SSH) พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องตัดเลเซอร์ และห้องออกแบบเชิงสร้างสรรค์ ช่วยให้เยาวชนสามารถทดลองสร้างนวัตกรรมและเข้าใจกระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมอย่างเป็นระบบ

การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย ความสำเร็จของ SSH เกิดจากการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและภายนอก สวทช. การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างนักวิจัย ครู และหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและสามารถต่อยอดองค์ความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง

การวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง SSH ให้ความสำคัญกับการสะท้อนผลการดำเนินงานจากผู้เรียน ครู และผู้ปกครอง เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบการเรียนรู้

ด้วยองค์ความรู้และแนวปฏิบัติเหล่านี้ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรจึงเป็นมากกว่าอาคารหรือสถานที่จัดกิจกรรม แต่เป็น ศูนย์กลางแห่งการบ่มเพาะเยาวชนให้มีศักยภาพในการคิด สร้างสรรค์ และวิจัย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต

บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ความหมายที่มากกว่า “อาคาร” หากแต่เป็น พื้นที่แห่งการสร้างแรงบันดาลใจ พลังแห่งความคิด และโอกาสที่จะหล่อหลอมเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของชาติ ทุกกิจกรรมและทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ คือพลังขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

รายการอ้างอิง

  • (ม.ป.ป.). Fabrication Lb โรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.).
  • สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2548, กรกฎาคม). ข้อเสนอโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (ฉบับปรับปรุง) (Permnent Science Camp).
  • บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). (ม.ป.ป.). บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร Sirindhorn Science Home (SSH). https://www.nstda.or.th/ssh/
  • สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). (ม.ป.ป.). FabLb Thailand. https://www.nstda.or.th/fablab/
  • สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). (2563, พฤศจิกายน 3). เครื่องพิมพ์ 3 มิติ นวัตกรรมผลิต Face Shield. https://www.nstda.or.th/home/performance_post/fablab-face-shield/
  • บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลโพรเจคแอดมินิสเตรชั่น จำกัด. (ม.ป.ป.). แนวคิดในการออกแบบโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ถาวร (Permanent Science Camp).
  • FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). Face Shield [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=dLrxmbBIS4w&t=3s
  • FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). ส่วนประกอบ Face Shield [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=_ny4E18H8Cs
  • FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). แนวคิดในการออกแบบ Face Shield และการเขียนแบบด้วยโปรแกรม Solidwork [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=7VJNtjTlVO8
  • FabLab NSTDA. (2563, ตุลาคม 20). การสร้างชิ้นงานด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และประกอบตัวโครง Face Shield [VIDEO]. Youtube. https://www.youtube.com/watch?v=ycDI_xkdqbQ
  • (2562). ครั้งหนึ่งของความภาคภูมิใจประเทศไทยบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนทวีปเอเชีย นำเสนอแนวทางพัฒนากิจกรรมเยาวชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในเวทีนานาชาติ. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). https://www.nstda.or.th/home/news_post/20191206-2/
  • กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.). (2564, 17 มิถุนายน). “บ้านวิทยาศาสตร์สิริธร” จากศูนย์กลางการเรียนรู้ สู่ภารกิจโรงพยาบาลสนามเพื่อคนพิการ. https://www.mhesi.go.th/index.php/en/news/3836-2021-06-17-07-01-21.html