- ชุดตรวจหาเชื้อก่อโรคสเตรปโตคอคโคซิสในปลานิลและปลาทับทิม ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสี มีราคาถูก มีต้นทุนการผลิตที่ประมาณ 100 บาท ต่อการทดสอบ 1 ตัวอย่าง ซึ่งถูกกว่าเทคนิคที่มีอยู่ เช่นเทคนิคการพิสูจน์แยกเชื้อ ที่มีราคาประมาณ 500 บาท และเทคนิค PCR ที่มีราคาประมาณ 800 บาท ต่อการทดสอบ 1 ตัวอย่าง
- ชุดตรวจหาเชื้อก่อโรคในปลานิลและปลาทับทิม ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสี มีขั้นตอนการทดสอบที่ง่ายสะดวกในการใช้งาน เหมาะสมสำหรับงานภาคสนามและห้องปฏิบัติการขนาดเล็ก โดยมีขั้นตอนการเตรียมตัวอย่างเพียง 5 - 10 นาที และทำการทดสอบในกล่องให้ความร้อน หรืออ่างน้ำร้อน เป็นระยะเวลา 45 นาที ซึ่งรวดเร็วมากเมื่อเทียบกับการทดสอบด้วยเทคนิคที่มีอยู่ และไม่สามารถทดสอบนอกห้องปฏิบัติงานได้ เช่น เทคนิคการพิสูจน์แยกเชื้อ ใช้ระยะเวลา 5 วัน ส่วนเทคนิค PCR ที่ใช้ระยะเวลาตั้งแต่การเตรียมตัวอย่างจนถึงการอ่านผลทดสอบ เป็นเวลา6ชั่วโมง
- ชุดตรวจหาเชื้อก่อโรคในปลานิลและปลาทับทิม ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีสามารถอ่านผลการทดสอบด้วยตาเปล่าได้ทันทีหลังเสร็จสิ้นการทดสอบ จากการสังเกตการเปลี่ยนสีของสารละลายสีม่วงเป็นสีฟ้า ไม่ต้องการเครื่องมือการอ่านผลการทดสอบ
- ตรวจหาเชื้อก่อโรคสเตรปโตคอคโคซิส ในปลานิลและปลาทับทิม ด้วยเทคนิคแลมป์
- มีความไวในการตรวจที่ 1.2 CFU/mL
- สามารถอ่านผลด้วยตาเปล่าได้ทันทีหลังเสร็จสิ้นการทดสอบ
- ทำการทดสอบด้วยเครื่องมือที่มีราคาไม่แพง และเหมาะสมสำหรับงานภาคสนามและห้องปฏิบัติการขนาดเล็ก
- สามารถขนส่งที่อุณหภูมิปกติได้
มีราคาถูกและขั้นตอนการใช้งานที่ง่าย สะดวกในการปฏิบัติงานภาคสนาม เช่น บ่อเพาะเลี้ยงปลา โรงเพาะฟัก และห้องปฏิบัติการขนาดเล็ก สามารถอ่านผลด้วยตาเปล่าได้ทันทีหลังการทดสอบ ไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ เกษตรหรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ สามารถทดสอบได้ด้วยตัวเอง ทำให้สามารถจัดการการเพาะเลี้ยง และป้องกันการระบาดของโรคได้รวดเร็ว อีกทั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคสเตรปโตคอคโคซิสนี้ ยังสามารถก่อโรคในปลาเศรษฐกิจของภูมิภาคอื่น ๆ อีกได้ เช่น ปลาสวาย ปลาดุกบิ๊กอุย ปลาสวยงาม และ ปลาเทราต์ เป็นต้น ไม่จำเพาะก่อโรคในปลานิลเท่านั้น
กลุ่มลูกค้า/ ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเป้าหมาย
ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลและปลาทับทิม ฟาร์มเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ส่งออกลูกปลา และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการระบาดของเชื้อก่อโรค
กลุ่มนักลงทุนเป้าหมาย
ได้แก่ ฟาร์มเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการผลิตชุดตรวจ และบริษัทเอกชนที่สนใจผลิตชุดตรวจเพื่อจัดจำหน่าย
สถานภาพทรัพย์สินทางปัญญา
ได้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรแล้ว
- อนุสิทธิบัตร คำขอเลขที่ 1503000427: กรรมวิธีการตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus agalactiae ก่อโรคในปลา
- อนุสิทธิบัตร คำขอเลขที่ 1403001054: กรรมวิธีการตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus iniae ก่อโรคในปลา
ปัจจุบันเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์ระดับห้องปฏิบัติการ
ภาพรวมตลาด
การตรวจสอบโรคระบาดในปัจจุบันยังใช้การตรวจวัดในห้องปฏิบัติการ หรือวิธีการ PCR และการพิสูจน์แยกเชื้อซึ่งใช้เวลานาน และไม่สะดวก จึงทำให้การตรวจสอบทดสอบเชื้อก่อโรคและควบคุมการระบาดทำได้ยาก ซึ่งเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องการชุดทดสอบโรคที่มีความรวดเร็ว ความแม่นยำ สะดวก สามารถปฏิบัติงานภาคสนามได้ ประกอบกับด้วยที่เชื้อก่อโรคทั้ง 2 ชนิดที่พัฒนาขึ้น สามารถก่อโรคในปลาเศรษฐกิจของภูมิภาคอื่น ๆ อีก เช่น ปลาสวาย ปลาดุกบิ๊กอุย ปลาเทราต์ และปลาสวยงาม เป็นต้นทำให้ภาพรวมของตลาดกว้างมากขึ้นของความต้องการชุดตรวจที่มีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากความตระหนักในการที่จะพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ที่ปลอดโรค ในการเพาะเลี้ยงแบบยั่งยืน