

ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (The Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-pacific Partnership: CPTPP) สำคัญไฉนกับประเทศไทย
ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) เป็นความตกลงที่กำลังเป็นประเด็นที่นานาประเทศทั่วโลกต่างให้ความสนใจ รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งมีความสนใจและกำลังพิจารณาที่จะร่วมเป็นภาคีฯ ด้วยเหตุนี้ทำให้ประเทศไทยมีประเด็นและ ข้อถกเถียงกันอย่างมาก ว่าควรเข้าร่วมเป็นภาคีภายใต้ความตกลง CPTPP นี้หรือไม่ โดยมีทั้งในแง่มุมที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ดังนั้น ก่อนที่ประเทศไทยจะตัดสินใจเข้าร่วมเป็นภาคีฯ ดังกล่าว จำเป็นต้องศึกษาข้อตกลงให้ละเอียด เนื่องจากบทบัญญัติใน CPTPP มีถึง 30 บท ซึ่งในแต่ละบทมีความซับซ้อนทั้งในแง่ของกฎหมายและการใช้ภาษา ….ในฉบับนี้ เรามาทำความรู้จัก CPTPP และเรียนรู้ในข้อบท “การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ – Government Procurement” ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
CPTPP คือ ข้อตกลงการค้าเสรีที่ทำร่วมกันในประเทศแถบภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 11 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, บรูไน ดารุสซาลาม, แคนาดา, ชิลี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, เปรู, สิงคโปร์ และเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็น FTA (Free Trade Area) อย่างหนึ่ง ที่มีข้อตกลงครอบคลุมมากกว่าการค้า การลงทุน ที่ประเทศไทยได้ร่วมลงนามทั้งหมด แต่ขยายขอบเขตไปถึงภาคบริการ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมุ่งสร้างมาตรฐาน กฎเกณฑ์ ด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิแรงงาน ด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรการการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลและนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อลดกำแพงทางการค้าระหว่างกัน และให้ประเทศสมาชิกมีแนวโน้มมีการค้าที่ดีขึ้นและเติบโตไปพร้อมๆ กัน
โดยมีขั้นตอนในการเข้าร่วมความตกลง CPTPP หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาความเหมาะสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้
1) ประเทศไทยต้องยื่นหนังสือแสดงความจำนงในการเข้าร่วมเจรจาเพื่อเข้าร่วมความตกลงฯ ต่อนิวซีแลนด์ในฐานะผู้ดูแลสัญญาความตกลง CPTPP
2) คณะกรรมาธิการสมาชิก CPTPP จะพิจารณาและหากเห็นชอบจะกำหนดให้ตั้งคณะทำงานCPTPP เพื่อเจรจากับไทย
3) คณะทำงานจะทำหน้าที่เจรจาข้อผูกพัน ข้อต่อรอง ข้อยกเว้น และความยืดหยุ่น รวมถึงระยะเวลาปรับตัวที่เหมาะสม โดยมีความยืดหยุ่นอย่างจำกัด ซึ่งจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้3.1 สิ่งที่เจรจาได้ ได้แก่ ข้อเสนอเปิดตลาด (Market Access Offers) และมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีด้านการเปิดตลาด (Non–Conforming Measures) มาตรการระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Measures) ที่มีการอนุญาตไว้ในความตกลง อาทิ ข้อ 15.5 ของบท Government Procurement 3.2 สิ่งที่เจรจาไม่ได้ ได้แก่ เนื้อหาในตัวบทของความตกลง และ 3.3 สิ่งที่อาจเจรจาได้ (ขึ้นกับฉันทามติของภาคี CPTPP) ได้แก่ การขอความยืดหยุ่นหรือยกเว้นการปฏิบัติตามพันธกรณีบางประการ การเจรจาต่อรองข้อตกลงฯ (Side Letter) เพื่อเพิ่มความชัดเจนในการตีความข้อบทต่างๆ
4) เมื่อทำการเจรจาเสร็จสิ้น คณะทำงาน CPTPP จะนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการสมาชิก CPTPP เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อผลการเจรจา โดยเมื่อคณะกรรมธิการสมาชิก CPTPP เห็นชอบแล้ว ต่อไปจะเป็นขั้นตอนของไทยที่จะเสนอผลการเจรจาต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการเข้าร่วม
5) เสนอผลการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
6) ให้สัตยาบันความตกลง CPTPP
ปัจจุบันประเทศไทย อยู่ในกระบวนการที่กำลังพิจารณาขอเข้าร่วมการเจรจาเท่านั้น ซึ่งเป็นกระบวนการก่อนการเริ่มดำเนินการในขั้นตอนที่ 1) ซึ่งต้องดำเนินการศึกษาอย่างละเอียดเพื่อเตรียมตัวต่อไป
บทที่ 15 “การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ – Government Procurement” เป็นหนึ่งในบทที่สามารถนำมาเจรจาได้ หากประเทศไทยตัดสินใจเข้าร่วมภาคีฯ ซึ่งจะนำมาใช้ในระยะแรกหรือที่เรียกว่าระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Measures) ที่มีการอนุญาตไว้ในความตกลงฯ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
แบ่งปันส่วนได้เสียซึ่งกันและกันในการเข้าสู่ตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยมีกฎเกณฑ์ที่โปร่งใส คาดการณ์ได้ และไม่เลือกปฏิบัติ
ตกลงผูกพันตามหลักการปฏิบัติเยี่ยงคนในชาติและการไม่เลือกปฏิบัติ (National Treatment and Non – Discrimination)
เผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องในเวลาอันเหมาะสม และให้เวลาที่เพียงพอแก่ผู้จัดหาที่จะได้รับเอกสารทำข้อเสนอและยื่นประกวดราคา
ให้มีการปฏิบัติที่เป็นธรรมและเป็นกลางต่อการยื่นข้อเสนอ
ห้ามใช้แต้มต่อ (Offset) เช่น การใช้สินค้าภายในประเทศ การกำหนดเงื่อนไขการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการฝึกอบรม เป็นต้น
กำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคตามมาตรฐานสากล (International Standard)
มีการอำนวยความสะดวกให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าร่วมการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
กำหนดขั้นตอนของกระบวนการอันเหมาะสมที่จะสอบถามหรือทบทวนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลการตัดสิน
มีมาตรการเพื่อปรับตัว (Transitional Measures) ที่ให้กับสมาชิกที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา
ประเทศสมาชิกสามารถระบุรายชื่อของหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐอื่นๆ รวมทั้งมูลค่าขั้นต่ำของการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับหรือผูกพันเปิดตลาดตามบทข้อตกลงนี้ไว้ในภาคผนวก 15-A ได้
ทั้งนี้ ในประเด็นที่ 5 ห้ามใช้แต้มต่อ (Offset) เป็นหนึ่งประเด็นที่สำคัญซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างสูงต่อการยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศกำลังพัฒนา ที่อาศัยกลไกการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นเครื่องมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศ
“CPTPP เหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดทั้งประเมินผลประโยชน์ ผลกระทบและความพร้อม แนวทางการปรับตัว รวมถึงมาตรการเยียวยาผลกระทบ และที่ขาดไม่ได้ คือ การรับฟังข้อมูลและความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย”