Top 20 เทรนด์เทคโนโลยี ในปี 2030

       ปัจจุบันเทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งในอีก 5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีก็ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ก็จะช่วยสร้างโอกาสในการเติบโต รวมถึงสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใช้จะต้องมีความตระหนักรู้ในเทคโนโลยี และมีแผนในการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ โดย 10 เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2030 มีดังนี้

       1. ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถใช้ได้จริง

       Artificial Intelligence (AI) จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึง Machine Learning, Computer Vision และ Natural Language Processing ได้ง่ายมากขึ้น โดยภายในปี 2030 มีการคาดหมายว่า AI จะเข้ามาเป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญในการประกอบธุรกิจ ซึ่งย่อมส่งผลให้ทักษะทางด้านภาษาโปรแกรม Python, PyTorch และ TensorFlow จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคต

       2. Zero latency connectivity

       ภายในปี 2030 คาดว่าอินเทอร์เน็ตจะมีความเร็วกว่าปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อความต้องการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ทั้งปัญญาประดิษฐ์ เครือข่ายไร้สายพลังงานต่ำ เซลลูลาร์ 6G Wi-Fi 6 และ 7 และดาวเทียมวงโคจรต่ำของโลก

       3. ACES Vehicles

       ยานยนต์ในอนาคตจะเป็นยานยนต์ที่ติดตั้งระบบการขับขี่แบบอัตโนมัติ มีการเชื่อมต่อ การปรับให้เป็นระบบไฟฟ้า และการแบ่งปันกันใช้งาน (Autonomous, Connected, Electric, and Shared Vehicles) อีกทั้ง AI จะเข้ามาช่วยให้ยานยนต์มีความล้ำสมัย ชาญฉลาด รวมถึงจะมีการลงทุนในเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ และเทคโนโลยีสีเขียวเพิ่มมากขึ้นด้วย

       4. Biotechnology Boom

      ความก้าวหน้าของ AI ส่งผลต่อความก้าวหน้าทางชีววิทยาด้วยเช่นกัน ซึ่งความก้าวหน้าทางชีววิทยาที่เกิดขึ้นจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตอบสนองต่อความต้องการในด้านการดูแลสุขภาพ อาหารและเกษตรกรรม ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค และการผลิตพลังงานและวัสดุ นอกจากนี้ ศาสตร์ทางด้านชีววิทยาโมเลกุล และยีนบำบัดก็เป็นสาขาที่ต้องพัฒนาด้วยเช่นกัน

       5. Climate Change Mitigation Technology

      เทคโนโลยีการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change Mitigation Technology คาดว่าจะถูกนำมาใช้ค่อนข้างมากภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยเทคโนโลยีดังกล่าวรวมถึงพลังงานหมุนเวียน พืชผลที่ทนต่อภัยแล้ง ระบบเตือนภัยล่วงหน้า เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน ยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีการกำจัดคาร์บอน และกำแพงกันทะเล

      6. Quantum Computing

       เป็นที่ทราบกันดีว่า เทคโนโลยีควอนตัมมีประสิทธิภาพมากกว่าคอมพิวเตอร์แบบเดิมเป็นอย่างมาก  โดยในอนาคต เทคโนโลยีควอนตัมมีความสามารถในการรันโซลูชันและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ยานยนต์ สารเคมี การเงิน ยา และอุตสาหกรรมอื่นๆ

       7. Cloud and Edge Computing

      Edge computing จะถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้ใกล้กับแหล่งที่มามากขึ้น และคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความล่าช้าและต้นทุนในการส่งข้อมูล ซึ่งคาดว่าภายในปี 2030 จะมีศูนย์ข้อมูลระยะไกลและบริการคลาวด์ในระดับไฮเปอร์สเกลมากขึ้น

       8. Immersive Reality Technology

       เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือน ซึ่งสร้างขึ้นด้วยระบบดิจิทัล ทั้งเทคโนโลยี Augmented reality (AR) กับ Virtual reality (VR) โดยในอนาคตมีความคาดหวังว่าจะสามารถผสมผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าการทำงานระยะไกล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมผสมผสานที่รวมระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลให้มีความสมจริงมากขึ้น

       9. Digital-Trust Technologies and Cybersecurity AI

       สถาปัตยกรรมแบบ Zero-Trust (Zero-trust architectures: ZTA) การพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Identity หรือ Digital ID) และวิศวกรรมความเป็นส่วนตัว (Privacy Engineering) จะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยความนิยมในการใช้ AI ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากฝั่งผู้ป้องกันและผู้โจมตี

       10. Low and No-Code Software Development

       การผสมผสานระหว่าง AI และโปรแกรมเมอร์ จะช่วยสร้างให้เกิดแพลตฟอร์มในการช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันทั้งรูปแบบเว็บไซต์และโมบายล์ (Low to No Code Platforms) แพลตฟอร์มแบบไม่ต้องเขียนโค้ด โครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบโค้ด การบูรณาการอัตโนมัติ และเครื่องมือ AI เชิงสร้างสรรค์ จะช่วยเปลี่ยนแปลงการพัฒนาซอฟต์แวร์

       นอกจาก 10 เทคโนโลยีดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในปี 2030 ยังมีอีก 10 เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในปี 2030 ซึ่งมีรายละเอียดของทั้งสิบเทคโนโลยีดังนี้

       1. Instant, Multimodal AI Avatars

       เป็นการต่อยอดความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ที่สามารถประมวลผลข้อมูลเสียง ภาพ และข้อความ แต่ภายในปี 2030 AI จะปรับเปลี่ยนสู่เทคโนโลยีอวตารขั้นสูงแบบมัลติโหมด (Advanced Multimodal) คือ ผู้ใช้สามารถสนทนาตอบโต้กับอวตาร AI ดิจิทัลได้ทันที ทั้งด้วยภาพและเสียง เพียงแค่เปิดกล้องเว็บแคมเท่านั้น

       2. Adaptive Predictive Artificial Intelligence (APAI)

       AI แบบปรับตัว หรือ APAI จะมีบทบาทในการเข้ามาแทรกแซงห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การคาดการณ์ปัญหาสุขภาพของผู้ป่วยล่วงหน้า การจัดการโครงข่ายพลังงาน การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และการคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ

       3. Lab Grown Food

       อาหารจากห้องปฏิบัติการ เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ และความต้องการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจนำไปสู่ความก้าวหน้าในการผลิตอาหารที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการเพื่อการจำหน่ายเชิงพาณิชย์

       4. Commercially Viable DNA Storage

       การจัดเก็บข้อมูลด้วย DNA ที่สามารถใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ เนื่องจาก DNA สังเคราะห์มีศักยภาพเป็นอย่างมากในการจัดเก็บข้อมูล แต่ด้วยข้อจำกัดด้านต้นทุนที่ค่อนข้างสูง และความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่ยังช้า อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2030 อาจจะได้เห็นพัฒนาการครั้งใหญ่ในเทคโนโลยีดังกล่าว เหตุเพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาเครื่องเขียน DNA แบบเฉพาะทางที่สามารถเขียนข้อมูลลงใน DNA ได้ที่ความเร็ว 18 เมกะบิตต่อวินาที

       5. AI-powered brain-computer interfaces

       งานวิจัยด้านอินเทอร์เฟซสมองกับคอมพิวเตอร์ (BCIs) มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีอุปสรรคจากการรับรู้ของสาธารณชน จริยธรรม และกฎหมาย แต่การใช้ AI ร่วมกับ BCI อาจเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวได้ภายในปี 2030

       6. Better Batteries

       แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นความจำเป็นและความต้องการของผู้ใช้และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมุ่งไปสู่ทิศทางของ ACES (Autonomous, Connected, Electric, Shared) คือ ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนเอง เชื่อมต่อกับเครือข่าย ใช้ไฟฟ้า และเน้นการใช้ร่วมกัน ซึ่งการเข้ามาของเทคโนโลยี AI จะถูกนำมาใช้เพื่อเร่งการพัฒนาแบตเตอรี่ดังกล่าวให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

       7. Improved Weather Prediction AI

        AI สำหรับการพยากรณ์อากาศ เนื่องด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้การทำนายภัยพิบัติจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ โดยในอีกทศวรรษข้างหน้า คาดว่า AI จะถูกนำเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

       8. Preventative Medicine

        การแพทย์เชิงป้องกัน จากความก้าวหน้าของ AI ทำให้แพทย์อาจสามารถทำนายปัญหาสุขภาพของผู้ป่วยได้ล่วงหน้านานหลายปี การป้องกันและดูแลก่อนเกิดโรคจะกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและบริษัทประกันสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการรักษาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

       9. Real time Linguistic Translation

       การแปลภาษาทันทีแบบเรียลไทม์ ปัจจุบัน AI ถูกนำมาใช้ร่วมกับการถ่ายภาพข้อความด้วยโทรศัพท์มือถือแล้วแปลภาษา แต่เทคโนโลยีดังกล่าวจะก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นอย่างมาก และสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาล ทั้งในธุรกิจท่องเที่ยว และการติดต่อธุรกิจระหว่างประเทศ

       10. Adaptive PII detection

       การตรวจจับข้อมูลส่วนบุคคล (PII) แบบปรับตัวได้ หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการใช้ AI นั้นก็คือเมื่อผู้คนกรอกข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ (PII) ลงไปในระบบ ด้วยเทคโนโลยีการตรวจจับ PII แบบปรับตัวได้ จะช่วยป้องกันปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งกับผู้ใช้และผู้ให้บริการ

ที่มา:

1/ Adam Ipsen. (2024). Technology in 2030: Top 20 big tech predictions. Retrieved August 21, 2025, from PLURALSIGHT Website https://www.pluralsight.com/resources/blog/tech-operations/tech-in-2030