

แนวโน้มเทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ในอุตสาหกรรมเกษตร
ปัจจุบันตลาดโลกให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่สนับสนุนแนวโน้มนี้ได้แก่ การตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยของอาหารจากผู้บริโภค การเติบโตของเกษตรในเมือง (Urban Agriculture) ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาหาร การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก รวมถึงการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดในการนำเข้าสินค้าของหลายประเทศ[1] โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดเทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับจะเติบโตถึง 34,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2571 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 10.7
เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการตรวจสอบย้อนกลับในภาคเกษตร โดยบล็อกเชนช่วยสร้างความโปร่งใส ลดความเสี่ยงจากการปลอมแปลงและการปนเปื้อนอาหาร ด้วยการบันทึกข้อมูลทุกขั้นตอนของการผลิตและกระจายสินค้าไว้ในบัญชีที่ไม่สามารถแก้ไขได้ (Immutable Ledger) ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลแหล่งที่มา วิธีการผลิต และมาตรฐานที่ใช้ในการผลิตได้อย่างง่ายดายและเชื่อถือได้ เนื่องจากบล็อกเชนจะช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถติดตามการเดินทางของผลิตภัณฑ์อาหารจากฟาร์มหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เพื่อให้มั่นใจถึงความรับผิดชอบและความสมบูรณ์ในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงอาหาร การปนเปื้อน และผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบ ด้วยการให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับแหล่งกำเนิด วิธีการผลิต และแนวทางปฏิบัติในการจัดการรายการอาหารได้
นอกจากเทคโนโลยีบล็อกเชนแล้ว ยังมีเทคโนโลยีสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาทในด้านการตรวจสอบย้อนกลับในอนาคต ได้แก่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อให้การตรวจสอบย้อนกลับมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะมีบทบาทในการวิเคราะห์ขั้นสูง ช่วยให้สามารถระบุแนวโน้ม คาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และปรับปรุงการดำเนินงานของห่วงโซ่อุปทาน และด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ส่งผลให้ระบบการตรวจสอบย้อนกลับกลายเป็นระบบที่สามารถรับรู้ คาดการณ์ และแก้ไขปัญหาได้มากกว่าการเป็นระบบที่รับแต่เพียงข้อมูล โดยธุรกิจต่างๆ อาจจะใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ของ AI และ Machine learning ในอนาคตเพื่อจัดการห่วงโซ่อุปทานของตนให้มีผลกำไรมากขึ้น
นอกจากนี้ การตรวจสอบย้อนกลับแบบเรียลไทม์ (Real-time Traceability) ซึ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และเซ็นเซอร์ (Sensor) จะกลายเป็นมาตรฐานสำคัญในอนาคต เนื่องจากช่วยให้สามารถติดตามสถานะของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางแบบทันทีทันใด (Real-time Monitoring) ส่งผลให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม และสถานะของผลิตภัณฑ์ ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
จากแนวโน้มดังกล่าว อุตสาหกรรมเกษตรทั่วโลกจึงควรเร่งปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการนำเทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับมาประยุกต์ใช้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และรองรับกฎระเบียบใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ที่มา:
1/47Billion. (2023). Traceability 2.0: Digital Solutions Empowering Agriculture Through Transparency. Retrieved October 10, 2024, from 47Billion Website https://47billion.com/blog/traceability-2-0-digital-solutions-empowering-agriculture-through-transparency/
2/IoT.Business.News. (2024). Top 6 Agriculture Technology Trends for 2023 and Beyond. Retrieved October 10, 2024, from IoT.Business.News Website https://iotbusinessnews.com/2024/04/30/04049-top-6-agriculture-technology-trends-for-2023-and-beyond/
3/The Business Research Company. (2024). Food Traceability Global Market Report 2024 – By Technology, By Software, By Application – Market Size, Trends and Global Forecast 2024-2033. Retrieved Octorber10, 2024, from The Business Research Company Website https://www.thebusinessresearchcompany.com/report/food-traceability-global-market-report
4/Transgenie. (2024). Top 10 Product Traceability Trends in 2024. Retrieved October 29, 2024, from Medium Website https://medium.com/@transgenie.io/top-10-product-traceability-trends-in-2024-2c70306585cf