หน้าแรก ‘N-sense’ อุปกรณ์คัดกรอง BY2 ตกค้างในทุเรียน รับมือวิกฤตส่งออกจีน

‘N-sense’ อุปกรณ์คัดกรอง BY2 ตกค้างในทุเรียน รับมือวิกฤตส่งออกจีน

17 ก.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ผลงานวิจัยเด่น

‘N-sense’ อุปกรณ์คัดกรอง BY2 ตกค้างในทุเรียน รับมือวิกฤตส่งออกจีน

 

 

Basic Yellow 2 หรือที่นิยมเรียกกันในชื่อ BY2 คือ สารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและกระดาษ รวมถึงห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์บางประเภท โดยสารชนิดนี้อาจก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (พบการก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง แต่ยังไม่มีผลการทดสอบทางคลินิก)

ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ผลิตและส่งออกทุเรียนทั้งในไทยและต่างประเทศนำสารชนิดนี้มาย้อมเปลือกทุเรียน เพื่อให้เปลือกมีสีเหลืองทอง น่ารับประทาน สร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งผลให้เดือนมกราคมที่ผ่านมา สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกมาตรการควบคุมการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศ โดยผู้ส่งออกต้องแนบเอกสารใบรับรองการตรวจสอบสาร BY2 ว่าไม่มีสารปนเปื้อนที่เปลือก (หรือมีไม่เกิน 2 ppb) กรมวิชาการเกษตร ประเทศไทย จึงได้ออกมาตรการ Set Zero หรือห้ามไม่ให้มีการใช้สาร BY2 กับทุเรียนส่งออกทันที โดยหากตรวจพบ ผู้ประกอบการจะโดนระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชที่ต้องใช้แนบประกอบการส่งออก และอาจนำไปสู่การยกเลิกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานได้

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา N-sense อุปกรณ์วิเคราะห์ปริมาณสาร BY2 แบบพกพา ใช้งานง่าย รู้ผลใน 20 นาที

 

ภาพ ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล รองผู้อำนวยการ นาโนเทค สวทช.
ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล รองผู้อำนวยการ นาโนเทค สวทช.

 

ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล รองผู้อำนวยการ นาโนเทค สวทช. อธิบายว่า ตั้งแต่มีการประกาศถึงอันตรายจากการใช้งานสาร BY2 ในอุตสาหกรรมทุเรียนทั้งในไทยและต่างประเทศ นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งพัฒนาอุปกรณ์สำหรับใช้ตรวจคัดกรองปริมาณสารตกค้าง เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยเข้าถึงเครื่องมือง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้น

สาร BY2 เป็นสารเคมีชนิดละลายน้ำได้ มีความทนทานต่อแสงและความร้อน สารชนิดนี้จึงมีโอกาสตกค้างในพื้นที่ที่ใช้งานได้นานหลายวันถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณและความเข้มข้นของสาร ดังนั้นแม้สถานประกอบการจะหยุดใช้สารชนิดนี้ก่อนจัดเก็บผลผลิตทุเรียนชุดใหม่แล้ว ก็อาจยังมีสารตกค้างอยู่ตามลัง พื้นที่โรงคัดบรรจุ หรือกระทั่งเสื้อผ้าและถุงมือของแรงงาน ซึ่งจะปนเปื้อนทุเรียนที่เข้ามาใหม่ได้

ทั้งนี้หากการตรวจหาปริมาณสาร BY2 ตกค้าง เพื่อออกเอกสารรับรองสำหรับส่งออก พบการปนเปื้อนแม้เพียงผลใดผลหนึ่งจากการสุ่มตรวจทั้งหมด ทุเรียนในลอตนั้นจะโดนตีกลับทั้งหมดทันที โดยทั่วไปตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ บรรจุได้ประมาณ​ 2,000-4,000 ผล หรือน้ำหนักประมาณ 15-18 ตัน ซึ่งผู้ประกอบการหรือกลุ่มเกษตรกรไทยส่งออกลอตละ 1-50 ตู้ต่อรายต่อวันในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ดังนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลได้”

จากข้อมูลล่าสุด ณ​ เดือนเมษายน ประเทศไทยมีห้องปฏิบัติการ 10 แห่ง ที่ได้รับการรับรองจากกรมศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) และอยู่ภายใต้การรับรองของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ตรวจและออกใบรับรองการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสาร BY2 ปนเปื้อนในเปลือกทุเรียนว่าไม่เกิน 2 ppb โดยใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงต่อลอต และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อชุดตัวอย่างที่สุ่มตรวจ ซึ่งเป็นต้นทุนเฉลี่ยต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์

 

ภาพต้นทุเรียน

ภาพการจัดเตรียมทุเรียนเพื่อจำหน่าย

ภาพ ดร.อรรณพ คล้ำชื่น ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย นาโนเทค สวทช.
ดร.อรรณพ คล้ำชื่น ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย นาโนเทค สวทช.

 

ดร.อรรณพ คล้ำชื่น ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการวิเคราะห์ระดับนาโนขั้นสูงความปลอดภัยและสารสนเทศ นาโนเทค สวทช. ทีมวิจัยผู้พัฒนา N-sense อุปกรณ์วิเคราะห์ปริมาณสาร BY2 แบบพกพา อธิบายว่า ทีมวิจัยได้นำความเชี่ยวชาญด้านนาโนเทคโนโลยีเซนเซอร์และการวิเคราะห์ระดับนาโนขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอุปกรณ์ชนิดนี้ โดยอุปกรณ์ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ขั้วเซนเซอร์เคมีไฟฟ้าที่มีความจำเพาะกับสาร BY2 และเครื่องอ่านและประมวลผลแบบพกพา

 

ภาพชุดอุปกรณ์ N-sense BY2

ภาพขั้วเซนเซอร์เคมีไฟฟ้า

ภาพเครื่องอ่านและประมวลผลแบบพกพา

 

“N-sense ใช้งานง่าย ผู้ใช้งานเพียงตัดเปลือกทุเรียนจากผลที่ต้องการสุ่มตรวจมาปั่นละเอียด แล้วนำเปลือกที่ปั่นแล้วปริมาณ 1 กรัม ไปผสมกับแอลกอฮอล์ปริมาณ 5 มิลลิลิตรในหลอดทดลอง เขย่าสารให้เข้ากันแล้วตั้งทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นใช้หลอดดูดเฉพาะส่วนที่เป็นของเหลวมาหยดลงบนขั้วของเซนเซอร์ที่เสียบไว้กับเครื่องอ่านผล เพียงเท่านี้ก็จะทราบผลการวิเคราะห์เป็นตัวเลขปริมาณสาร BY2 ที่ตรวจพบได้ภายใน 1-2 นาที หรือใช้เวลาตรวจรวมไม่เกิน 20 นาที ทุกขั้นตอนทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องปฏิบัติการและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตรวจและอ่านผล

เทคโนโลยี N-sense ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นตรวจวัดปริมาณสาร BY2 ได้ที่ความเข้มข้นต่ำสุด 0.56 ppb มีความแม่นยำมากกว่าร้อยละ 85 มีอัตราการคลาดเคลื่อนของปริมาณสารที่ตรวจวัดได้ต่ำ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับใช้ตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการตรวจจากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองเพื่อออกเอกสารประกอบการส่งออกได้

 

ภาพคุณสมาน พรหมมา ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนวังจันทร์ จ.ระยอง
สมาน พรหมมา ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนวังจันทร์ จ.ระยอง

 

สมาน พรหมมา ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนวังจันทร์ จ.ระยอง ในฐานะตัวแทนกลุ่มเกษตรที่มีพื้นที่เพาะปลูกรวมกันกว่า 300 ไร่ เล่าว่า หลังจากมีการออกมาตรการตรวจสอบสาร BY2 ในทุเรียนที่จะส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยต่างต้องเร่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสารนี้ และดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ผลทุเรียนมี BY2 ตกค้างหรือปนเปื้อน

“การที่นักวิจัยจากนาโนเทค สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีคัดกรองที่ใช้ตรวจง่าย รู้ผลเร็ว และมีราคาจับต้องได้ ซึ่งถูกกว่าการตรวจโดยห้องปฏิบัติการประมาณ 10 เท่ามาช่วยเหลือ มีส่วนช่วยทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในกลุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะการได้สุ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่ต้นด้วยตัวเองก่อนเตรียมการส่งออกผลผลิต จะช่วยลดโอกาสความผิดพลาดที่อาจสร้างความเสียหายมหาศาลได้เป็นอย่างดี

 

ภาพผลิตภัณฑ์ทุเรียนหมอนทอง ของกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ จ.ระยอง

 

ปัจจุบันทีมวิจัยนาโนเทค สวทช. กำลังวางแผนร่วมกับสมาคมทุเรียนไทยและสมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย เพื่อขยายผลการทดสอบใช้งานอุปกรณ์ N-sense เพิ่มเติมในจังหวัดระยอง จันทบุรี และชุมพร โดยได้ผลิตอุปกรณ์เตรียมไว้แล้วประมาณ 50 ชุด นอกจากนี้ทีมวิจัยยังมีแผนขอความร่วมมือไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมวิชาการเกษตรในการสอบเทียบมาตรฐานอุปกรณ์ เพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้ที่งานพัฒนาธุรกิจ นาโนเทค สวทช. อีเมล์ bdis-bdv@nanotec.or.th


เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์
คลิปสั้นโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และอัครวุฒิ ตู้วชิรกุล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.
ภาพประกอบโดย ภัทรา สัปปินันทน์, ชัชวาลย์ โบสุวรรณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์​ สวทช. และภาพจาก Shutterstock

แชร์หน้านี้: