‘N-sense’ อุปกรณ์คัดกรอง BY2 ตกค้างในทุเรียน รับมือวิกฤตส่งออกจีน
Basic Yellow 2 หรือที่นิยมเรียกกันในชื่อ BY2 คือ สารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและกระดาษ รวมถึงห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์บางประเภท โดยสารชนิดนี้อาจก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (พบการก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง แต่ยังไม่มีผลการทดสอบทางคลินิก)
ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ผลิตและส่งออกทุเรียนทั้งในไทยและต่างประเทศนำสารชนิดนี้มาย้อมเปลือกทุเรียน เพื่อให้เปลือกมีสีเหลืองทอง น่ารับประทาน สร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งผลให้เดือนมกราคมที่ผ่านมา สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกมาตรการควบคุมการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศ โดยผู้ส่งออกต้องแนบเอกสารใบรับรองการตรวจสอบสาร BY2 ว่าไม่มีสารปนเปื้อนที่เปลือก (หรือมีไม่เกิน 2 ppb) กรมวิชาการเกษตร ประเทศไทย จึงได้ออกมาตรการ Set Zero หรือห้ามไม่ให้มีการใช้สาร BY2 กับทุเรียนส่งออกทันที โดยหากตรวจพบ ผู้ประกอบการจะโดนระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชที่ต้องใช้แนบประกอบการส่งออก และอาจนำไปสู่การยกเลิกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานได้
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา N-sense อุปกรณ์วิเคราะห์ปริมาณสาร BY2 แบบพกพา ใช้งานง่าย รู้ผลใน 20 นาที

ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล รองผู้อำนวยการ นาโนเทค สวทช. อธิบายว่า ตั้งแต่มีการประกาศถึงอันตรายจากการใช้งานสาร BY2 ในอุตสาหกรรมทุเรียนทั้งในไทยและต่างประเทศ นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งพัฒนาอุปกรณ์สำหรับใช้ตรวจคัดกรองปริมาณสารตกค้าง เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยเข้าถึงเครื่องมือง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้น
“สาร BY2 เป็นสารเคมีชนิดละลายน้ำได้ มีความทนทานต่อแสงและความร้อน สารชนิดนี้จึงมีโอกาสตกค้างในพื้นที่ที่ใช้งานได้นานหลายวันถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณและความเข้มข้นของสาร ดังนั้นแม้สถานประกอบการจะหยุดใช้สารชนิดนี้ก่อนจัดเก็บผลผลิตทุเรียนชุดใหม่แล้ว ก็อาจยังมีสารตกค้างอยู่ตามลัง พื้นที่โรงคัดบรรจุ หรือกระทั่งเสื้อผ้าและถุงมือของแรงงาน ซึ่งจะปนเปื้อนทุเรียนที่เข้ามาใหม่ได้
“ทั้งนี้หากการตรวจหาปริมาณสาร BY2 ตกค้าง เพื่อออกเอกสารรับรองสำหรับส่งออก พบการปนเปื้อนแม้เพียงผลใดผลหนึ่งจากการสุ่มตรวจทั้งหมด ทุเรียนในลอตนั้นจะโดนตีกลับทั้งหมดทันที โดยทั่วไปตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ บรรจุได้ประมาณ 2,000-4,000 ผล หรือน้ำหนักประมาณ 15-18 ตัน ซึ่งผู้ประกอบการหรือกลุ่มเกษตรกรไทยส่งออกลอตละ 1-50 ตู้ต่อรายต่อวันในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ดังนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลได้”
จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนเมษายน ประเทศไทยมีห้องปฏิบัติการ 10 แห่ง ที่ได้รับการรับรองจากกรมศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) และอยู่ภายใต้การรับรองของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ตรวจและออกใบรับรองการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสาร BY2 ปนเปื้อนในเปลือกทุเรียนว่าไม่เกิน 2 ppb โดยใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงต่อลอต และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อชุดตัวอย่างที่สุ่มตรวจ ซึ่งเป็นต้นทุนเฉลี่ยต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์

ดร.อรรณพ คล้ำชื่น ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการวิเคราะห์ระดับนาโนขั้นสูงความปลอดภัยและสารสนเทศ นาโนเทค สวทช. ทีมวิจัยผู้พัฒนา N-sense อุปกรณ์วิเคราะห์ปริมาณสาร BY2 แบบพกพา อธิบายว่า ทีมวิจัยได้นำความเชี่ยวชาญด้านนาโนเทคโนโลยีเซนเซอร์และการวิเคราะห์ระดับนาโนขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอุปกรณ์ชนิดนี้ โดยอุปกรณ์ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ขั้วเซนเซอร์เคมีไฟฟ้าที่มีความจำเพาะกับสาร BY2 และเครื่องอ่านและประมวลผลแบบพกพา
“N-sense ใช้งานง่าย ผู้ใช้งานเพียงตัดเปลือกทุเรียนจากผลที่ต้องการสุ่มตรวจมาปั่นละเอียด แล้วนำเปลือกที่ปั่นแล้วปริมาณ 1 กรัม ไปผสมกับแอลกอฮอล์ปริมาณ 5 มิลลิลิตรในหลอดทดลอง เขย่าสารให้เข้ากันแล้วตั้งทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นใช้หลอดดูดเฉพาะส่วนที่เป็นของเหลวมาหยดลงบนขั้วของเซนเซอร์ที่เสียบไว้กับเครื่องอ่านผล เพียงเท่านี้ก็จะทราบผลการวิเคราะห์เป็นตัวเลขปริมาณสาร BY2 ที่ตรวจพบได้ภายใน 1-2 นาที หรือใช้เวลาตรวจรวมไม่เกิน 20 นาที ทุกขั้นตอนทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ห้องปฏิบัติการและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตรวจและอ่านผล”
เทคโนโลยี N-sense ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นตรวจวัดปริมาณสาร BY2 ได้ที่ความเข้มข้นต่ำสุด 0.56 ppb มีความแม่นยำมากกว่าร้อยละ 85 มีอัตราการคลาดเคลื่อนของปริมาณสารที่ตรวจวัดได้ต่ำ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับใช้ตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนการตรวจจากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองเพื่อออกเอกสารประกอบการส่งออกได้

สมาน พรหมมา ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนวังจันทร์ จ.ระยอง ในฐานะตัวแทนกลุ่มเกษตรที่มีพื้นที่เพาะปลูกรวมกันกว่า 300 ไร่ เล่าว่า หลังจากมีการออกมาตรการตรวจสอบสาร BY2 ในทุเรียนที่จะส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยต่างต้องเร่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสารนี้ และดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ผลทุเรียนมี BY2 ตกค้างหรือปนเปื้อน
“การที่นักวิจัยจากนาโนเทค สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีคัดกรองที่ใช้ตรวจง่าย รู้ผลเร็ว และมีราคาจับต้องได้ ซึ่งถูกกว่าการตรวจโดยห้องปฏิบัติการประมาณ 10 เท่ามาช่วยเหลือ มีส่วนช่วยทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในกลุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะการได้สุ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่ต้นด้วยตัวเองก่อนเตรียมการส่งออกผลผลิต จะช่วยลดโอกาสความผิดพลาดที่อาจสร้างความเสียหายมหาศาลได้เป็นอย่างดี”
ปัจจุบันทีมวิจัยนาโนเทค สวทช. กำลังวางแผนร่วมกับสมาคมทุเรียนไทยและสมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย เพื่อขยายผลการทดสอบใช้งานอุปกรณ์ N-sense เพิ่มเติมในจังหวัดระยอง จันทบุรี และชุมพร โดยได้ผลิตอุปกรณ์เตรียมไว้แล้วประมาณ 50 ชุด นอกจากนี้ทีมวิจัยยังมีแผนขอความร่วมมือไปยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมวิชาการเกษตรในการสอบเทียบมาตรฐานอุปกรณ์ เพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจต่อไป
สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้ที่งานพัฒนาธุรกิจ นาโนเทค สวทช. อีเมล์ bdis-bdv@nanotec.or.th
เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์
คลิปสั้นโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และอัครวุฒิ ตู้วชิรกุล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.
ภาพประกอบโดย ภัทรา สัปปินันทน์, ชัชวาลย์ โบสุวรรณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. และภาพจาก Shutterstock