หน้าแรก ‘UNAi (อยู่ไหน)’ เทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคาร สนับสนุนการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 แบบไม่ต้องลงทุนสูง

‘UNAi (อยู่ไหน)’ เทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคาร สนับสนุนการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 แบบไม่ต้องลงทุนสูง

13 พ.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

 

รู้หรือไม่ ! แค่โรงงานเพิ่มอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เป็นตัวช่วยติดตามตำแหน่งสินค้าและบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบแบบอัตโนมัติ ก็จะช่วยลดเวลาการทำงานและลดข้อผิดพลาดจากการจดบันทึกได้อย่างมาก ซึ่งนั่นหมายถึงการลดต้นทุนการผลิตในภาพรวมด้วย

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา UNAi (อยู่ไหน) เทคโนโลยีระบุตำแหน่งวัตถุหรือคนภายในอาคาร เพื่อติดตามและบันทึกตำแหน่งแบบเรียลไทม์ โดยการวิจัยและพัฒนาได้รับการสนับสนุนด้านการขยายผลจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)

 

ของอยู่ไหน ? ให้ UNAi ช่วยระบุตำแหน่งให้คุณ

ภาพนักวิจัย คุณเกรียงไกร มณีรัตน์, ทวีศักดิ์ สรรเพชุดา, จุฑาทิพย์ วิศาลมงคล, ละออ โควาวิสารัช และจารุวลี สุวัตถิกุล ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค สวทช.
เกรียงไกร มณีรัตน์, ทวีศักดิ์ สรรเพชุดา, จุฑาทิพย์ วิศาลมงคล, ละออ โควาวิสารัช และจารุวลี สุวัตถิกุล ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค สวทช.

 

ดร.ละออ โควาวิสารัช นักวิจัยทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ เนคเทค สวทช. อธิบายว่า UNAi เป็นเทคโนโลยีระบุตำแหน่ง (Real-Time Location System: RTLS) วัตถุหรือคนภายในอาคารแบบแม่นยำสูง โดย UNAi ประกอบด้วยอุปกรณ์ 2 ส่วน คือ Tag (แท็ก) อุปกรณ์สำหรับติดที่สิ่งของหรือคนเพื่อติดตามตำแหน่ง และ Anchor (แองเคอร์) อุปกรณ์สำหรับรับสัญญาณตำแหน่งจาก Tag แล้วส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ (cloud) ไปประมวลผลและแสดงผลผ่านซอฟต์แวร์ UNAi โดยผู้ใช้งานจะเห็นตำแหน่งสิ่งที่ติดตามปรากฏบนแผนผังอาคารนั้น ๆ

“ทีมวิจัยได้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับติดตามไว้สองรูปแบบ เทคโนโลยีแรก คือ Received Signal Strength Indicator (RSSI) ที่ใช้สัญญาณบลูทูท (Bluetooth Low Energy: BLE) ในการส่งสัญญาณจาก Tag เพื่อระบุตำแหน่ง โดยรูปแบบนี้จะมีอัตราการคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2-4.5 เมตร อีกระบบคือ Time Difference of Arrival (TDoA) ที่ใช้สัญญาณอัลตราไวด์แบนด์ (Ultra-Wideband: UWB) ที่มีความแม่นยำสูงและมีโอกาสโดนรบกวนสัญญาณต่ำในการระบุตำแหน่ง ทำให้ระบุได้แม่นยำ มีอัตราการคลาดเคลื่อนลดลงเหลือหลักเซนติเมตร อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีนี้มีราคาที่สูงกว่า ดังนั้นผู้ประกอบการควรเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม โดยอาจปรึกษา System Integrator (SI) ของโรงงาน”

 

ภาพอุปกรณ์ Anchor และ Tag
อุปกรณ์ Anchor และ Tag

 

แม้เทคโนโลยี RTLS จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ เพราะใช้งานแพร่หลายในต่างประเทศแล้ว แต่โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังใช้เทคโนโลยีประเภทนี้ไม่มากนัก สาเหตุสำคัญมาจากผู้ประกอบการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นอกจากนี้ประเทศไทยต้องนำเข้าเทคโนโลยีประเภทนี้จากต่างประเทศ ส่งผลให้ค่าอุปกรณ์และซอฟต์แวร์มีราคาสูง อีกทั้งการปรับแต่งอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละโรงงานที่มีความต้องการแตกต่างกันก็ทำได้ยาก บางกรณีอาจปรับแต่งไม่ได้เลย

ดร.ละออ อธิบายถึงประเด็นดังกล่าวว่า UNAi จะช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการไทยได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากทีมวิจัยเนคเทค สวทช. จะพร้อมให้บริการด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับแต่งอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ UNAi ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ประกอบการที่มีความต้องการแตกต่างกันแล้ว ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) โดยเนคเทค สวทช. ยังพร้อมให้คำปรึกษาด้านการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และช่วยแนะนำ SI ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสอดคล้องกับที่โรงงานต้องการด้วย

“ผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลเรื่องความยากลำบากในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี นอกจากนี้ UNAi พัฒนาโดยนักวิจัยไทยและผลิตได้เองภายในประเทศ ทำให้อุปกรณ์นี้มีราคาถูกกว่าสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

 

4 ตัวอย่างความสำเร็จ ใช้เทคโนโลยี UNAi

ดร.ละออ เล่าว่า ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้ขยายผลการทำวิจัยโดยนำ UNAi ไปทดสอบใช้งานจริงภายในโรงงานของภาคเอกชนไทย 13 แห่ง ตัวอย่างเช่น การใช้ติดตามตำแหน่งของ ฐานรองสินค้า (pallet) ว่า ณ ขณะนั้นแต่ละอันตั้งอยู่ที่โซนจัดเก็บสินค้าโซนไหน และอยู่บนชั้นวางสินค้าใด โดยทีมวิจัยได้ออกแบบแนวทางการใช้งานให้เป็นการติดตามจากการเคลื่อนที่ของรถฟอร์กลิฟต์ (forklift) ที่ติด Tag ไว้ แทนการติดตามฐานรองสินค้าแต่ละอันโดยตรงเพื่อลดจำนวนการใช้ Tag และลดงบประมาณในการปรับเปลี่ยนจากคลังสินค้าทั่วไปสู่คลังแบบสมาร์ต

 

ภาพคลังสินค้า

 

“การทำงานมี 3 ขั้นตอนหลัก ขั้นตอนแรกคนงานจะยิงบาร์โค้ดของฐานรองสินค้าที่ต้องการเคลื่อนย้ายเพื่อให้ระบบทราบว่ากำลังจะใช้รถฟอร์กลิฟต์เคลื่อนย้ายฐานรองสินค้ารหัสอะไร ตำแหน่งเริ่มต้นเคลื่อนย้ายอยู่ที่ตำแหน่งไหน และจะเริ่มต้นเคลื่อนย้ายเวลาใด ขั้นตอนที่สองคนงานจะขับรถฟอร์กลิฟต์ไปยังจุดหมาย โดยระบบจะติดตามตำแหน่งของฐานรองสินค้าจากการเคลื่อนที่ของรถฟอร์กลิฟต์ ขั้นตอนที่สามเมื่อคนงานขับรถไปถึงจุดหมาย และใช้รถยกฐานรองสินค้าขึ้นจัดเก็บบนชั้นเรียบร้อยแล้ว คนงานจะยิงบาร์โค้ดของช่องจัดเก็บสินค้าเพื่อระบุตำแหน่งปลายทางที่ชัดเจน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นงาน ผู้จัดการและวิศวกรโรงงานจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ตั้งแต่ตำแหน่งที่เริ่มเคลื่อนย้าย เส้นทางการเคลื่อนย้าย ตำแหน่งที่จัดเก็บ และเวลารวมที่ใช้ในการขนย้ายสินค้าเข้าจัดเก็บ

“การที่คนงานไม่ต้องเป็นผู้บันทึกข้อมูลลงบนกระดาษหรือนำข้อมูลเข้าสู่ระบบด้วยตัวเอง ช่วยลดทั้งเวลาและโอกาสความผิดพลาดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผู้ควบคุมคลังสินค้ายังนำข้อมูลที่บันทึกไว้มาออกแบบตำแหน่งการจัดเก็บสินค้าและเส้นทางการขับรถเพื่อประหยัดเวลาและพลังงานได้อีกด้วย”

 

ภาพการเคลื่อนที่ของรถ forklift ในคลังสินค้า

ภาพการแสดงตำแหน่งบนหน้าซอฟต์แวร์ UNAi

 

อีกตัวอย่างการใช้ UNAi ภายในโรงงาน คือ การใช้ติดตาม AGV (Automated Guided Vehicle) หรือยานพาหนะเคลื่อนที่อัตโนมัติที่ใช้ขนส่งวัตถุดิบและส่วนประกอบ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการพบปัญหาว่าบางครั้ง AGV แบตเตอรี่หมดขณะที่ยังปฏิบัติภารกิจขนส่งไม่สำเร็จ ก่อให้เกิดปัญหาสายการผลิตหยุดชะงัก และคนงานต้องเสียเวลาตามหารถ AGV ว่าอยู่ที่ตำแหน่งไหนของโรงงาน

“ทีมวิจัยจึงได้นำระบบ UNAi ไปใช้ติดตามตำแหน่ง AGV โดยเพิ่มคุณสมบัติติดตามข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นเข้าไปด้วย เช่น ปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือ อุณหภูมิของ AGV เพื่อให้ผู้จัดการและวิศวกรโรงงานนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ทั้งการออกแบบเส้นทาง การวางแผนชาร์จแบตเตอรี่ รวมถึงการวางแผนซ่อมบำรุงล่วงหน้าจากการทราบแนวโน้มความผิดปกติของ AGV ที่ตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะส่งผลดีทั้งการประหยัดเวลา พลังงาน และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง”

 

ภาพ AGV

 

นอกจาก UNAi จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ประกอบการก้าวกระโดดจากอุตสาหกรรมระดับ 2-3 สู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้ง่ายขึ้นแล้ว เทคโนโลยี UNAi ยังเหมาะแก่การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย

ดร.ละออ เล่าว่า อีกสองตัวอย่างของการใช้ UNAi ที่ผ่านการทดสอบใช้งานจริงและประสบความสำเร็จอย่างดี คือ การใช้ติดตามตำแหน่งรถเข็นในโรงพยาบาลเพื่อรวบรวมกลับมายังจุดเก็บรถเข็น ทำให้รถเข็นอยู่ในตำแหน่งที่บุคลากรทางการแพทย์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และอีกตัวอย่างคือการใช้ติดตามตำแหน่งผู้เข้าแข่งขันเพนต์บอล (paintball) โดยทีมงานจะติด Tag ของ UNAi ไว้ที่หมวกของผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเพื่อระบุตำแหน่งผู้เล่น ทำให้ผู้บรรยายเห็นตำแหน่งของผู้เล่นทั้งสนามชัดเจนและบรรยายการแข่งขันได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้โคชยังใช้เป็นข้อมูลเพื่อวางแผนปรับปรุงการเล่นครั้งต่อ ๆ ไปให้แก่สมาชิกในทีมได้อีกด้วย

 

ภาพผู้เล่น Paintball

ภาพ Wheel Chair จอดทิ้งไว้ในโถงโรงพยาบาล

 

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า UNAi เป็นเทคโนโลยีระบุตำแหน่งที่ประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ไม่จำกัดอยู่เพียงโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น ทีมวิจัยจึงมีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีนี้จะมีส่วนสนับสนุนให้แต่ละอุตสาหกรรมของประเทศไทยเข้าถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปปรับใช้เพื่อลดภาระงาน ค่าใช้จ่าย และเพิ่มผลประกอบการในระยะยาวได้

ส่วนในอนาคตอันใกล้อีก 1-2 ปีข้างหน้า ทีมวิจัยเผยว่าคนไทยอาจได้ใช้เทคโนโลยี UNAi ที่ฉลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยใช้ติดตามสิ่งของหรือคนทั้งภายในและภายนอกอาคารอย่างแม่นยำด้วยอุปกรณ์เดียว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา และการสรรหาแหล่งเงินทุนเพิ่ม

ปัจจุบันทีมวิจัยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ UNAi แล้ว ผู้ประกอบการที่สนใจขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยีติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ UNAi@nstda.or.th และผู้ประกอบการที่ต้องการนำอุปกรณ์ UNAi ไปติดตั้งใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าติดต่อสอบถามเพื่อรับการสนับสนุนได้ผ่านโครงการ IDA Platform (Industrial IoT and Data Analytics Platform) ที่เว็บไซต์ www.nectec.or.th/smc/ida-platform/

 


เรียบเรียงโดย : ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย : ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย : ภัทรา สัปปินันทน์, เนคเทค สวทช. และภาพจาก Adobe Stock และ Shutter Stock

แชร์หน้านี้: