การสังเคราะห์สารประกอบไอออนิกคอปเปอร์เพื่อใช้เป็นสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียในปศุสัตว์และสิ่งแวดล้อม

เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยจำนวนมาก เลือกใช้ยาปฏิชีวนะตลอดวงจรการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเพื่อรักษาโรค การป้องกันโรค หรือการเร่งการเจริญเติบโตในสัตว์ ส่งผลให้เกิดการใช้ยาปฏิชีวนะในปริมาณมาก และทำให้มูลค่าการใช้ยาปฏิชีวนะของประเทศไทยมีจำนวนมหาศาลต่อปี นอกจากนี้ยังพบว่าเกษตรกรไทยส่วนใหญ่ ยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะที่ถูกต้อง นำไปสู่ปัญหายาปฏิชีวนะตกค้างในเนื้อสัตว์ และการแพร่กระจายของเชื้อดื้อยา (Superbug) โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุขในระดับโลก ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ามหาศาล หลายประเทศมีความกังวลต่อการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มปศุสัตว์ รวมทั้งมีการออกกฎหมายห้ามใช้หรือการควบคุมที่เข้มงวดสำหรับยาปฏิชีวนะ ส่งผลให้มีการระงับการนำเข้าและส่งคืนสินค้าที่มาจากประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์เศรษฐกิจ เพื่อแก้ปัญหานี้ จึงได้เกิด โครงการวิจัย “การพัฒนากระบวนการผลิตซิงค์ไอออนสำหรับยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย” ที่มุ่งหาทางเลือกใหม่ในการลดการพึ่งพายาปฏิชีวนะ และสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย

โครงการวิจัย การพัฒนากระบวนการผลิตซิงค์ไอออนสำหรับยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ถูกริเริ่มขึ้น โดยเป็นโครงการย่อยภายใต้ โครงการแผนบูรณาการยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) หรือ โครงการบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง นักวิจัยจากทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งเเวดล้อม กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) และ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. โดยการนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้จัดการสุขาภิบาลในโรงเรือนสัตว์ การพัฒนาโภชนาการอาหารและน้ำดื่ม เพื่อทำให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพาการใช้ยาปฏิชีวนะ

ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2565). รายงานประจำปี 2565 ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ. ปทุมธานี: ศูนย์ฯ. https://www.nanotec.or.th/th/wp-content/uploads/2023/08/NANOTEC_report2022.pdf

โครงการวิจัยนี้ เป็นการใช้ไอออนเข้ามาเป็นตัวช่วยให้สารมีความเสถียร และมีประสิทธิภาพคงที่ พร้อมเติมพอลิเมอร์ธรรมชาติหรือกรดอะมิโน ไปล้อมรอบประจุบวกของซิงค์ไอออน ซึ่งเป็นไอออนจากธาตุอาหารเสริม (Micronutrients) ทำให้สามารถทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคได้ แม้จะโดนสารประจุลบมาจับ ที่สำคัญคือ เป็นการเสริมประสิทธิภาพให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้สามารถใช้ได้ในปริมาณที่น้อยลง ดังนั้น ประจุบวกของซิงค์ไอออนจึงมีความว่องไว สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้รวดเร็ว และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อได้เป็นหลายเท่าตัว

การวิจัยนี้ สามารถต่อยอดไอออนจากธาตุอาหารเสริมสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อในโรงเรือน ฟาร์มสัตว์ และสัตว์ โดยเฉพาะต้านการอักเสบของเต้านมโค รวมไปถึงวัตถุดิบในอาหารสัตว์เพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยผลการทดสอบภาคสนามในฟาร์มหมู จากการใช้ซิงค์ไอออนฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในวัตถุดิบอาหารสัตว์เพื่อทดแทนการใช้สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) พบว่า สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ อีโคไล (E. coli) และซัลโมเนลลา (Salmonella) รวมถึงลดปริมาณแบคทีเรียที่มีชีวิต นอกจากนี้ ยังใช้ในการฉีดพ่นพื้นผิวในฟาร์มสัตว์เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคในสัตว์ นับเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกทดแทนยาปฏิชีวนะ ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์

ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2564, กรกฎาคม 28). นาโนเทค สวทช. จับมือยูนิซิลต่อยอดซิงก์ไอออนสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ สู้วิกฤตไวรัส. https://www.nanotec.or.th/th/นาโนเทค-สวทช-จับมือยูนิ

นวัตกรรมซิงค์ไอออนสามารถแก้ปัญหาเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ได้ อาทิ เชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) เกิดจากไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever Virus: ASFV) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อสุกร และโรคพีอีดี (Porcine Epidemic Diarrhea: PED) เป็นโรคท้องร่วงติดต่อในสุกรที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาในสุกร (Porcine Epidemic Diarrhea Virus: PEDV) โดยเฉพาะในลูกสุกรแรกเกิด หากไม่มีการป้องกันเชื้อดังกล่าว จะทำให้สุกรเสียชีวิตมากกว่า 50% และยังสร้างผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างมหาศาล

นวัตกรรมนี้ได้จดอนุสิทธิบัตร ชื่อ องค์ประกอบสำหรับเตรียมสารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ (เลขที่คำขอ 1903001426) ยื่นคำขอวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 และได้รับการจดอนุสิทธิบัตร (เลขที่อนุสิทธิบัตร 17790) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 และได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทเพื่อผลิตและจำหน่ายซิงค์ไอออนผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และไวรัสจากธรรมชาติในฟาร์มปศุสัตว์ ในชื่อของ “Naxzon” โดยผู้รับการถ่ายทอด คือ บริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2564). ผลิตภัณฑ์สารฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสจากธรรมชาติในวัตถุดิบอาหารสัตว์ทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ (NaxZon). https://www.nstda.or.th/nac/2021/2021/03/05/food06-nazxon/index.html

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • Main active ingredients ซิงค์ไอออน (60,000 ppm)
  • ใช้ทดแทนสารฟอร์มาลินหรือฟอร์มาลดีไฮด์
  • ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
  • มีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อสูง >6 log10 reduction
  • ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อภายใน 5-30 นาที
  • ออกฤทธิ์ได้ยาวนานไม่สลายตัว อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • ไม่ส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบอื่นๆที่อยู่ในวัตถุดิบอาหารสัตว์
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ไม่มีกลิ่นเหม็นฉุน
  • ปลอดภัยต่อสัตว์และผู้ใช้
  • ต้นทุนต่ำ

วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ NaxZon คือ เจือจาง NaxZon ด้วยน้ำในอัตราส่วน 1:10 หรือ 1:20 ในปริมาตร 1 ลิตรต่อวัตถุดิบอาหารสัตว์ 1 ตัน พ่นให้ทั่วด้วยเครื่องพ่นละอองฝอย

ด้วยจุดแข็งด้านนาโนเทคโนโลยี ทำให้ บริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด มองเห็นศักยภาพของซิงค์ไอออนจากธรรมชาติว่าเป็นสารที่ปลอดภัย ไม่เป็นพิษ และมีโอกาสทางการตลาดสูง จึงมองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มากกว่าแค่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ สู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อสำหรับชีวิตประจำวัน จึงเริ่มต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ เบนไซออน (Benzion) ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19)

พ.ศ. 2563 โลกเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ซึ่งองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ประกาศให้เป็นโรคระบาดร้ายแรง เนื่องจากการแพร่ระบาดที่กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพและการแพทย์ เพื่อนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อทั้งในเชิงวิชาการ เศรษฐกิจ และสังคม

ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 สวทช. ได้เร่งผลักดันผลงานวิจัยด้านสุขภาพและการณ์แพทย์ให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ โดยจัดตั้งคณะกรรมการวิชาการและเทคนิคเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว และได้หยิบยกงานวิจัยการพัฒนาสารฆ่าเชื้อมีซิงค์ไอออนที่พัฒนาขึ้น ซึ่งมีคุณสมบัติยึดเกาะบนพื้นผิวได้ยาวนาน และสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะส่งผลให้ protocol การทำความสะอาดตามโรงพยาบาลต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป โดยไม่จำเป็นต้องทำซ้ำบ่อยเช่นเดิม นอกจากนี้ การขาดแคลนผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบสำหรับน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ได้สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาสูตรน้ำยาฆ่าเชื้อที่สามารถผลิตและใช้เชิงพาณิชย์ภายในประเทศ ซึ่งยังมีอยู่น้อยมากในขณะนั้น ทีมวิจัยนำโดย ดร.วรายุทธ สะโจมแสง ทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งเเวดล้อม กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. ร่วมมือกับ บริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด เร่งมือผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ “เบนไซออน” (Benzion) เกิดได้เร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้

ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2564, กรกฎาคม 28). นาโนเทค สวทช. จับมือยูนิซิลต่อยอดซิงก์ไอออนสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ สู้วิกฤตไวรัส. https://www.nanotec.or.th/th/นาโนเทค-สวทช-จับมือยูนิ

ทีมวิจัยฯ และ บริษัท ยูนิซิล กรุ๊ป จำกัด พัฒนาสารฆ่าเชื้อเพื่อใช้งานด้านสาธารณสุข โดยต่อยอดจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งอิงน้ำยาฆ่าเชื้อที่ดีในด้านสาธารณสุข ภายใต้โจทย์การพัฒนา ได้แก่ ต้องสามารถทำลายเชื้อได้หลายชนิด ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วและมีฤทธิ์ยาวนาน ไม่กัดกร่อนพื้นผิวของโลหะ ยาง และพลาสติก มีความคงตัวสูง ไม่เสื่อมประสิทธิภาพง่าย มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ไม่เป็นพิษ ไม่ก่อการระคายเคืองหรืออาการแพ้ และอยู่ในรูปแบบเข้มข้น เพื่อความประหยัดเมื่อนำไปฉีด พ่น เช็ด หรือถู

ทีมวิจัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียจาก ซิงค์ไอออนที่สกัดจากเกลือซิงค์ภายในประเทศ ซึ่งมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเกลือซิงค์สามารถใช้เป็นแร่ธาตุอาหารเสริมสำหรับคน สัตว์ และพืช อีกทั้งไม่ตกค้างในสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นแร่ธาตุอาหารได้ตามธรรมชาติ ซิงค์ไอออนมีคุณสมบัติเด่นคือออกฤทธิ์ยับยั้งและฆ่าเชื้อได้ยาวนาน ไม่สลายตัวง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ไอออนของโลหะมักมีความคงตัวต่ำกว่าโลหะในรูปอนุภาคนาโน ทีมวิจัยจึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ โดยพัฒนา ซิงค์ไอออนในรูปประจุบวกที่มีความเสถียรสูง ด้วยการแทนที่โมเลกุลน้ำรอบตัวด้วยโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น กรดอะมิโน โปรตีน กรดไขมัน หรือพอลิเมอร์ เพื่อสร้างสารประกอบเชิงซ้อน (Chelate) หรือ คีเลต ที่ช่วยให้ซิงค์ไอออนทนต่อการถูกจับโดยประจุลบในสิ่งแวดล้อม

ผลิตภัณฑ์ เบนไซออน (Benzion) เกิดจากการต่อยอดงานวิจัยซิงค์ไอออนของศูนย์นาโนเทคโนโลยี (นาโนเทค) สวทช.  ที่ผสานไอออนิกเทคโนโลยีและคีเลชันเทคโนโลยี จนได้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูง แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไปในท้องตลาด โดยการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ภายใน 1 นาที เทียบเท่าผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศ แต่มีราคาที่เข้าถึงได้ ปลอดภัย ไม่มีกลิ่น ไม่ติดไฟ และไม่ระคายเคืองผิว

ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ อาทิ

  • การทดสอบการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสถาบัน Aisa Dermscan โดยทดสอบกับอาสาสมัคร
  • การทดสอบจากศูนย์บริการทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิทยา สวทช.
  • การทดสอบใน Blutest Laboratory จากประเทศอังกฤษ พบว่าสามารถฆ่าเชื้อได้ภายใน 1 นาที ไม่ว่าจะเป็น H1N1 มือเท้าปาก SARS, MERS, รวมถึง Coronavirus ซึ่งมีฤทธิ์เทียบเท่าสารนำเข้าจากต่างประเทศ
  • การทดสอบสารฆ่าเชื้อมีซิงค์ไอออน ณ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า สารสามารถคงประสิทธิภาพฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 100% หลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิวนาน 24 ชั่วโมง โดยเชื้อแบคทีเรียที่ใช้ทดสอบ ได้แก่ Salmonella Choleraesuis, Staphylococcus aureus และ Pseudomonas aeruginosa และสามารถคงประสิทธิภาพการฆ่าไวรัส Porcine epidemic diarrhea virus (PEDV) ซึ่งเป็นไวรัสในตระกูล (Coronavirus) เช่นเดียวกับเชื้อ SARS-CoV-2 หลังฉีดพ่นลงบนพื้นผิวนาน 24 ชั่วโมง

โดยได้มีการนำผลิตภัณฑ์ เบนไซออน (Benzion) ไปใช้ในหลายพื้นที่ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน เทศบาล ฯลฯ ซึ่งสามารถตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย และประสิทธิภาพ ที่มีผลการทดสอบที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การใช้งานผลิตภัณฑ์ฯ ทำได้ง่าย เพียงเจือจางด้วยน้ำในอัตรา 1:25 แล้วนำไปพ่นหรือเช็ดบนพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟต์ เบาะรถยนต์ หรือแช่ผ้าก่อนซัก เพื่อฆ่าเชื้อและลดกลิ่นอับ โดยน้ำที่เหลือยังนำไปรดต้นไม้เป็นสารอาหารได้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ เบนไซออน (Benzion) เป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อเครื่องมือแพทย์ ภายใต้การกำกับดูแลสถานที่ผลิตโดยกองเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข โดยเป็นผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มีสารสกัดจากธรรมชาติที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูงและครอบคลุมเชื้อได้อย่างกว้างขวาง สามารถยับยั้งและทำลายเชื้อ เช่น เชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษ Escherichia coli ATCC 10536, Salmonella enterica (choleraesuis) ATCC 10708, Staphylococcus aureus ATCC 6538 และ Pseudomonas aeruginosa PRD 10 ATCC 15442 ซึ่งได้รับการรับรองจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ต่อมา งานวิจัยผลิตภัณฑ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียด้วยซิงค์ไอออนจากเกลือซิงค์ ของศูนย์นาโนเทคโนโลยี (นาโนเทค) สวทช. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัท ไบโอ อินโน เทค (ไทยแลนด์) จำกัด ก่อนที่จะร่วมกันพัฒนาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ที่ตอบความต้องการใช้งานของผู้บริโภค ในประสิทธิภาพที่เทียบเคียงของนำเข้า ภายใต้แบรนด์ Argermgo โดยทีมวิจัยฯ และบริษัทฯ ต่อยอดน้ำยาฆ่าเชื้อสูตรพื้นฐาน ให้สามารถฆ่าเชื้อราได้ และมี pH เป็นกลาง (pH 6.5-7.5) โดยให้ใช้สารเคมีที่ปลอดภัยหรือใช้สารธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของสูตรฆ่าเชื้อไอออนบวกของซิงค์ไอออน และคีเลติง เอเจ้นท์ (chelating agent) โดยเพิ่มสารฆ่าเชื้อจากเบนซาลโคเนียม คลอไรด์ และสารทำความสะอาดจากกรดไขมันมะพร้าว ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของบริษัทฯ ที่พัฒนาเพิ่มเติม

ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส ที่มีองค์ประกอบของซิงค์นาโนอิมัลชันนี้ ร่วมกับสารฆ่าเชื้อเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ และสารทำความสะอาดสกัดจากธรรมชาติในกลุ่มของกรดไขมันจากน้ำมันมะพร้าว ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีคีเลชัน เพื่อเพิ่มความคงตัวให้กับซิงค์ไอออนและเทคโนโลยีนาโนอิมัลชัน ที่สามารถทำให้เฟสน้ำและเฟสน้ำมันรวมเข้ากันได้ดี มีลักษณะใส มีความคงตัวสูง มีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ภายในระยะเวลา 10 นาที ที่ความเข้มข้น 1% (100 เท่า)

ผลิตภัณฑ์นี้ ผ่านการทดสอบการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (เชื้อ Escherichia coli Staphylococcus aureus Pseudomonas aeruginosa และ Salmonella choleraesuis) จากโครงการประกันคุณภาพทางจุลชีววิทยา คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทดสอบการฆ่าเชื้อไวรัส H1N1 และทดสอบการฆ่าเชื้อไวรัส Corona Virus (PED) จากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และเชื้อรา Aspergillus Niger จากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสในสัตว์ จากศูนย์วิทยาศาสตร์เบทาโกร พร้อมทั้งได้ทดสอบความปลอดภัย (LD50) ของผลิตภัณฑ์กับสถาบันวิจัยวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยได้ขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และทะเบียนวัตถุอันตรายในการควบคุมของกรมปศุสัตว์และขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยอีกด้วย

ด้วยฐานลูกค้าเดิมของ บริษัท ไบโอ อินโน เทค (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นหน่วยงานภาครัฐ จึงได้นำผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อนี้ ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยได้สำเร็จในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยผู้บริหารบริษัทฯ ชี้ว่า ความสำเร็จดังกล่าวช่วยผลักดันยอดขายในปีเดียวกันถึงกว่า 9,000 ลิตร โดยบัญชีนวัตกรรมไทยมีบทบาทสำคัญที่เปิดโอกาสให้หน่วยงานรัฐสามารถจัดซื้อได้สะดวกขึ้น จากเดิมที่บริษัทพึ่งพาการนำเข้า ปัจจุบันจึงมีแผนลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อสร้างฐานการผลิตในประเทศ พร้อมเสริมด้านการตลาดและวิจัยพัฒนา

บริษัท ไบโอ อินโน เทค (ไทยแลนด์) จำกัด ยังคงร่วมมือวิจัยกับ ศูนย์นาโนเทคโนโลยี (นาโนเทค) สวทช. อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อระดับสูง (High-Level disinfectant) สำหรับการใช้งานทางการแพทย์ โดยมุ่งตอบโจทย์โรงพยาบาลและสถานพยาบาลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสปอร์ เชื้อรา และเชื้อดื้อทน เช่น เชื้อวัณโรค และไวรัสมือเท้าปาก โดยในประเทศไทยยังไม่มีผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อระดับสูงที่มีความปลอดภัย ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ 100% การพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญ โดยได้พัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้ว และอยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน อย. (วัตถุอันตราย/เครื่องมือแพทย์) พร้อมทั้งยื่นขึ้นทะเบียนในบัญชีนวัตกรรมไทย คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ในช่วงกลาง พ.ศ. 2565 หลังผ่านการรับรอง โดยมีจุดเด่นด้าน ความปลอดภัยต่อผู้ใช้ สิ่งแวดล้อม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมราคาที่แข่งขันได้ ถูกกว่าของนำเข้า แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า

พ.ศ. 2564 บริษัท ไบโอ อินโน เทค (ไทยแลนด์) จำกัด  มีรายได้รวม 500 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มเป็นเท่าตัวใน พ.ศ. 2565 โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์สารฆ่าเชื้อจะสร้างรายได้คิดเป็น 60% ของรายได้รวม นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนรุกตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มจากอาเซียนใน พ.ศ. 2566 ผ่านการออกบูธร่วมกับสมาคมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างการรับรู้ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีผู้จัดจำหน่ายจากประเทศเพื่อนบ้านแสดงความสนใจแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อขยายสู่ตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ จำเป็นต้องเสริมความพร้อมด้านมาตรฐานสากล อาทิ มาตรฐาน EN (European Norm) คือ มาตรฐานยุโรป ที่กำหนดขึ้นโดย คณะกรรมการมาตรฐานยุโรป (European Committee for Standardization – CEN) และองค์กรที่เกี่ยวข้อง (ในกรณีของ ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและทำความสะอาด มาตรฐาน EN จะครอบคลุมการทดสอบประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถทำลายเชื้อโรคได้ตามที่ระบุ และปลอดภัยต่อผู้ใช้ รวมถึงสิ่งแวดล้อม) และมาตรฐานอื่นที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของแต่ละประเทศ หากประสบความสำเร็จในตลาดอาเซียน บริษัทฯ มีแผนต่อยอดสู่ตลาดระดับเอเชียในอนาคต

ผลิตภัณฑ์ ระดับเชิงพาณิชย์

  • พ.ศ. 2563 ซิงค์ไอออนสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสสำหรับวัตถุดิบอาหารสัตว์
  • พ.ศ. 2564 สารประกอบไอออนิกคอปเปอร์ สำหรับเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีฤทธิยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย

สิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรจากการวิจัย

บทความวิชาการระดับนานาชาติจากการวิจัย

  • Basit, A., Ovatlarnporn, C., Rao, H., Ahmad, S., Sajomsang, W., Singkhonrat, J., Khan, S., Khan, KU, Shah, H., & Khan, KUR (2023). Protective effect of chemically characterized extract of Viola stocksii Boiss. against breast cancer and vincristine induced neuropathic pain by alleviation of oxidative stress and inflammatory markers. Food Bioscience, 56 , 103058. https://doi.org/10.1016/j.fbio.2023.103058

รางวัลที่ได้รับ

  • พ.ศ. 2561 รางวัลดีเด่น ในงาน International Trade Fair, Ideas, Inventions, and New Products (iENA ) 2018 ซึ่งจัดขึ้น ณ ประเทศเยอรมนี
  • พ.ศ. 2565 รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับประกาศเกียรติคุณ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช งานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2564-2565 จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร จากผลงานวิจัยเรื่อง “ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสจากออร์แกนิคซิงค์ไออน”
  • พ.ศ. 2567 รางวัลประกาศเกียรติคุณ ผลงานประดิษฐ์คิดค้น ผลงานเรื่อง ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสจากออร์แกนิคซิงค์ไอออน (Organic Zinc ion Disinfectant Product) รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปีงบประมาณ 2565 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

งานวิจัยนี้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของงานวิจัยที่ใช้แก่นความรู้เรื่องของนาโนเทคโนโลยีในการพัฒนานวัตกรรมซึ่งมีประโยชน์ที่สามารถตอบโจทย์หลักของประเทศตามแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ที่คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และทั้ง 2 เศรษฐกิจนี้ อยู่ภายใต้เศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) ที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน

แหล่งข้อมูล

  1. NSTDAChannel TVstation. (2561). พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย ตอน เบล็นไอออนิก สารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์จากธรรมชาติ [Video]. YouTube. https://www.youtube.com/watch?v=nsNYj6O6AtY
  2. NSTDAChannel TVstation. (2563). พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย ตอน ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และไวรัสจากธรรมชาติด้วยนาโนซิงก์ไอออน [Video]. YouTube. https://www.youtube.com/watch?v=mCWNBOZeuJI
  3. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม. (2564, พฤษภาคม 18). นาโนเทค สวทช.- มหิดล ร่วมทดสอบประสิทธิภาพออร์แกนิคซิงค์ไอออนฆ่าเชื้อโรคนาน 24 ชม. พร้อมจับมือ ยูนิซิล กรุ๊ป ส่งมอบสารฆ่าเชื้อให้ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน. https://www.mhesi.go.th/index.php/en/news-and-announce-all/news-all/pr-news/3639-24.html
  4. กรุงเทพธุรกิจ. (2563, มกราคม 28). ‘ซิงค์ไอออน’ จากธาตุอาหารเสริม สู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค. https://www.bangkokbiznews.com/tech/863843
  5. กรุงเทพธุรกิจ. (2564, กรกฎาคม 28). ‘นาโนเทค’ จับมือ ‘ยูนิซิล’ ส่งซิงก์ไอออนสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อสู้โควิด. https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/915935
  6. ไทยรัฐออนไลน์. (2564, กรกฎาคม 28). นาโนเทคพัฒนาซิงก์ไอออนพ่นฆ่าเชื้อทดแทนยาปฏิชีวนะ. https://www.thairath.co.th/news/local/1838014
  7. เพื่อนคู่คิด. เพื่อนคู่คิด ตอน น้ำยาฆ่าเชื้อจากธรรมชาติ เพื่อสุขภาวะยุคใหม่ [Video]. YouTube. https://www.youtube.com/watch?v=G6qbjcPgTuU
  8. ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2565). รายงานประจำปี 2565 ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ. ปทุมธานี: ศูนย์ฯ. https://www.nanotec.or.th/th/wp-content/uploads/2023/08/NANOTEC_report2022.pdf
  9. ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2564, กรกฎาคม 28). นาโนเทค สวทช. จับมือยูนิซิลต่อยอดซิงก์ไอออนสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ สู้วิกฤตไวรัส. https://www.nanotec.or.th/th/นาโนเทค-สวทช-จับมือยูนิ
  10. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2564, กรกฎาคม 28). Zinc ion นวัตกรรมสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส. https://www.nstda.or.th/nac/2021/wp-content/uploads/2021/03/agro15.pdf
  11. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (2565). นักวิจัยไบโอเทค ได้รับ 9 รางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2564-2565 จาก วช.. https://www.nstda.or.th/archives/biotec-inventorday/
  12. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2565). “น้ำยาฆ่าเชื้อโรคผสมซิงค์นาโนอิมัลชั่น” งานวิจัยนาโนเทค สวทช. ส่งต่อเอกชนตอบโจทย์ยุคโควิด-19. นิตยสารสาระวิทย์. https://www.nstda.or.th/sci2pub/zinc-nano-emulsions/
  13. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2565, กุมภาพันธ์ 3). “ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคจากออร์แกนิคซิงค์ไอออน” และ “วัสดุนาโนรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า” ผลงานนักวิจัยนาโนเทค สวทช. คว้ารางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ 2565. https://www.nstda.or.th/home/news_post/nanotec-nstda-02022565/
  14. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. (2564). ผลิตภัณฑ์สารฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสจากธรรมชาติในวัตถุดิบอาหารสัตว์ทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ (NaxZon). https://www.nstda.or.th/nac/2021/2021/03/05/food06-nazxon/index.html