ถอดบทเรียนองค์ความรู้ของพนักงาน สวทช. ที่เกษียณอายุงานประจำปี 2568 (คุณชาญกรณีย์ แก้วประจุ)

พ.ศ. 2568 สวทช. โดยฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS) ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ (MMP) ในสายงานกลยุทธ์องค์กร และฝ่ายบริการทรัพยากรบุคคล (HRSS) ในสายงานบริหาร ร่วมกันดำเนินการสัมภาษณ์พนักงาน สวทช. ที่จะเกษียณอายุงานประจำปี 2566 จำนวน 10 คน (จากจำนวนผู้เกษียณอายุงานในปี 2568 จำนวน 34 คน)

เพื่อถอดบทเรียนและองค์ความรู้ของพนักงาน สวทช. ที่เกษียณอายุงาน เพื่อรวบรวมและเผยแพร่องค์ความรู้โดยเฉพาะความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในคน (tacit knowledge) อันเป็นความรู้สำคัญขององค์กร เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้ของพนักงานของ สวทช. ในการนำองค์ความรู้มาพัฒนาและต่อยอดการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

คุณชาญกรณีย์ แก้วประจุ ผู้รับการสัมภาษณ์ได้กล่าวถึง ความประทับใจที่มีต่อสำนักงานสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สามารถสรุปได้ 3 ด้าน ดังนี้

  1. ชื่อเสียง สวทช. เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงและเป็นแบบอย่างที่ดีด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มีความสุขในการทำงานและมีความภักดีต่อองค์กรตลอดมา
  2. องค์ความรู้ องค์ความรู้ด้าน วทน. ของ สวทช. เป็นที่เชื่อถือและไว้วางใจ ซึ่งส่งผลต่อภาคส่วนต่างๆ ของประเทศ
  3. ความไว้วางใจ ตนเองได้รับความไว้วางใจจากองค์กรในการเข้าร่วมคณะทำงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันผลักดันและสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับ สวทช. อาทิ
    1. การผลักดันการนำระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ทั่วทั้งองค์กรและเชื่อมต่อกับหน่วยงานภายนอก (ปี พ.ศ. 2548 – 2564)
    2. การได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยผู้ประสานงาน ครม. และรัฐสภา
    3. การได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยนายทะเบียนข้อมูลข่าวสารลับประจำสำนักงานกลาง

กล่าวโดยสรุปความประทับใจ และความภาคภูมิใจที่มีต่อ สวทช. ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานอย่างเต็มศักยภาพเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน และตั้งมั่นว่า “เมื่อเข้ามาทำงานด้วยความตั้งใจก็จะเกษียณไปด้วยความภาคภูมิใจ”

ข้อเสนอแนะในการพัฒนา ขอฝาก สวทช. ให้พัฒนาใน 2 ด้าน ดังนี้

  1. การขยายผลการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่เป็นของ สวทช. ไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
  2. การวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ๆ ในสาขาที่สำคัญ เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า