การวิจัยและพัฒนายาในสิงคโปร์ถดถอย บริษัท Eli Lilly & Co. ตัดสินใจปิดศูนย์วิจัย
การปิดศูนย์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับพนักงาน 130 คน ขณะที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งอาจจะได้รับการเสนอให้ย้ายไปทำงาน ณ สำนักงานใหญ่ ในเมืองอินเดียนาโพลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนพนักงานที่เหลืออาจจะได้รับข้อเสนอเป็นค่าชดเชย ศูนย์วิจัยแห่งนี้นับเป็นศูนย์วิจัยหลักในการศึกษาเพื่อรักษาโรคเบาหวานและโรคมะเร็ง โดยทางบริษัทกล่าวว่าการปิดศูนย์วิจัยนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของความพยายามทางการวิจัยของบริษัท
บริษัท Eli Lilly & Co. นับเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินงานก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนายาที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ โดยมีจุดมุ่งหมายในการเป็นศูนย์กลางการวิจัยทางชีวการแพทย์ บริษัทที่จัดตั้งศูนย์วิจัยในสิงคโปร์จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจำนวนมากและการยกเว้นภาษีแต่จำนวนประชากร 5 ล้านคนของสิงคโปร์เป็นการยากที่จะแข่งขันกับประเทศจีนซึ่งมีทั้งตลาดเกี่ยวกับยาและมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถมากกว่า
โฆษกของ Singapore's Economic Development Board ได้กล่าวกับ C&EN ว่าแม้บริษัท Eli Lilly & Co. ตัดสินใจที่จะปิดศูนย์วิจัยของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในสิงคโปร์ แต่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจะยังคงเข้ามาดำเนินธุรกิจในสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่า บริษัท Eli Lilly & Co. จะยังคงร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นและยังคงอำนวยความสะดวกในการทดสอบทางคลีนิกในสิงคโปร์ ขณะที่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัท Roche กล่าวว่าจะลงทุนเป็นเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการจัดตั้งศูนย์วิจัยทางการแพทย์ในสิงคโปร์
ที่มา: Jean-Francois Tremblay. "Drug R&D: In Setback For Singapore, Lilly Will Close A Research Center." Chemical & Engineering News (22 Oct 2010).